อุตรดิตถ์ - ตำรวจอุตรดิตถ์ปิดคดีฆ่าโหดสาวใหญ่อุตรดิตถ์ ทิ้งศพเปลือยท่อนล่างริมคลองชลประทาน พบฆาตกรก่อคดีมาแล้ว 7 ครั้ง ทั้งข่มขืน เล่นพนัน พ้นโทษมาไม่สำนึก บีบคอ กดหัวเหยื่อจมน้ำ ถอดผ้าหวังข่มขืนก่อนเปลี่ยนใจ เพียงแค่ไม่พอใจแย่งที่วางข่ายดักปลา
วันนี้ (21 พ.ย.) พ.ต.อ.ดิษยเดช พัชรภูวดล ผกก.สภ.เมืองอุตรดิตถ์ พร้อมชุดสืบสวน สภ.เมืองอุตรดิตถ์ ชุดสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัด (ภ.จว.) อุตรดิตถ์ ได้นำหมายจับศาล จ.อุตรดิตถ์ เลขที่ จ 418/2560 จับกุมตัว นายบุญรอด ชุ่มปากพิง อายุ 51 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 บ้านท่าสัก หมู่ 1 ต.ท่าสัก อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์
ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีฆ่าโหด นางรัตติกา โต๊ะนิล อายุ 59 ปี ชาวบ้านหมู่ 4 ต.บ้านเกาะ อ.เมืองอุตรดิตถ์ ซึ่งญาติได้แจ้งหายไว้เมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา ก่อนจะพบกลายเป็นศพเปลือยท่อนล่างบริเวณถนนเลียบคลองส่งน้ำชลประทาน ใกล้กับจุดที่พบรถจักรยานยนต์ผู้ตาย
เจ้าหน้าที่ใช้เวลาตามแกะรอยผู้ต้องหารายนี้จากกล้องวงจรปิดบริเวณแยกชลประทาน ห่างจากจุดเกิดเหตุ 1 กิโลเมตรนานกว่า 20 วัน จนพบภาพนายบุญรอดกางเกงเปียกน้ำและคราบโคลนที่หลงเหลือจากที่เกิดเหตุที่ติดตัวมาเพียงเล็กน้อย เมื่อนำมาขยายผล ประกอบกับพยานที่เคยเห็นรูปร่างและจักรยานที่ผู้ต้องหาเคยใช้ก็ให้ข้อมูลว่าน่าจะใช่นายบุญรอด จนนำไปสู่การจับกุมตัวได้
สอบสวนนายบุญรอดให้การรับสารภาพว่า วันเกิดเหตุได้ขี่จักรยานออกจากบ้านที่มาพักอาศัยอยู่แถวตลาดนัดแม่บุญมา หลังสถานีขนส่งผู้โดยสาร เขตเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ เพื่อไปวางข่ายดักปลา กระทั่งเวลาประมาณเกือบเที่ยงวันได้เจอนางรัตติกานั่งตกเบ็ดอยู่ ก็ไปพูดคุยว่าจะขอวางข่ายดักปลา แต่นางรัตติกาบอกว่าไม่ได้ จึงขี่รถจักรยานไปวางข่ายที่อื่น แต่ไม่ได้ปลาสักตัว
ขณะขี่รถจักรยานย้อนกลับมาจุดเดิม แล้วเจอนางรัตติกายังนั่งตกปลาอยู่ จึงเกิดความโมโห และได้เข้าไปบีบคอกดน้ำ แม้นางรัตติกาพยายามร้องขอให้ปล่อย แต่นายบุญรอด ไม่ยอม ใช้เวลากดศีรษะนางรัตติกาลงน้ำประมาณ 5 นาทีก็นิ่งไป
หลังจากนางรัตติกานิ่งไปแล้วเพราะถูกกดน้ำ นายบุญรอดก็ถอดกางเกงของนางรัตติกา ออกหมายจะข่มขืน แต่พอพลิกตัวมาเห็นหน้านางรัตติกาที่มีความผิดปกติจึงไม่มีอารมณ์ นายบุญรอดจึงลากศพไปอำพรางในป่าหนามในคลองแล้วเข็นจักรยานยนต์ของนางรัตติกาลงไปที่คลองชลประทานฝั่งตรงข้ามแล้วหักกิ่งไม้ข้างทางอำพรางรถไว้ จากนั้นก็เอารองเท้า เบ็ดตกปลา กระป๋องเหยื่อตกปลาของนางรัตติกาขว้างทิ้งในคลอง ก่อนขี่รถจักรยานไปเก็บของเก่าที่ขนส่งผู้โดยสารแล้วกลับบ้านพัก โดยกล้องวงจรปิดบริเวณสี่แยกคลองชลประทานสามารถจับภาพไว้ได้ จนนำไปสู่การคลี่คลายคดีนี้ได้ในที่สุด
พ.ต.อ.ดิษยเดชกล่าวว่า ก่อนที่นายบุญรอดจะมาก่อคดีฆ่านางรัตติกาเพียงแค่มีปากเสียงกันเรื่องวางข่ายดักปลา จากการสอบประวัติย้อนหลังนายบุญรอดทราบว่าเคยก่อคดีมาแล้วถึง 7 คดี คือวันที่ 11 กันยายน 2530 ก่อคดีบุกรุกเคหสถานยามกลางคืน ท้องที่ สภ.พิชัย, ครั้งที่ 2 วันที่ 17 พฤศจิกายน 2532 ร่วมกันเล่นการพนันน้ำเต้าปูปลา
ครั้งที่ 3 วันที่ 14 เมษายน 2534 คดีข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่นที่มิใช่ภรรยาตน เหตุเกิดที่ สภ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์, ครั้งที่ 4 ปี 2538 คดีพยายามข่มขืนหญิงอายุ 50 ปี เหตุเกิดที่ สภ.นาอิน อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์, ครั้งที่ 5 วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2539 ฆ่าผู้อื่นและชิงทรัพย์ เหตุเกิดที่ สภ.เมืองอุตรดิตถ์, ครั้งที่ 6 คดีฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา เหตุเกิดที่ สภ.วังกะพี้ อ.เมืองอุตรดิตถ์, ครั้งที่ 7 วันที่ 1 พฤศจิกายน 2550 คดีข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่นซึ่งไม่ใช่ภรรยาตน เหตุเกิดที่ สภ.วังทอง จ.พิษณุโลก พ้นโทษเมื่อเดือนพฤษภาคม 2560 ก่อนจะมาก่อเหตุครั้งนี้เป็นครั้งที่ 8 ฆ่านางรัตติกาเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560