กาญจนบุรี- ตร.กาญจนบุรี รวบหนุ่มเลาขวัญ หนีคดีพรากผู้เยาว์เด็กหญิงอายุ 13 ปี เมื่อ 8 ปีก่อน หลังย้อนกลับมาบ้าน ขณะเจ้าหน้าที่ดักซุ่มโป่งรวบตัวไว้ได้ สารภาพเป็นคนเดียวกันกับหมายจับค้างเก่า
วันนี้ (20 พ.ย.) พ.ต.อ.พีระพจน์ ระหว่างบ้าน ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเลาขวัญ จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า จากนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมทั้ง พล.ต.ท.กิตติพงษ์ เงามุข รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 และ พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด กาญจนบุรี ให้เจ้าหน้าที่สนธิกำลังเฝ้าระวังป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายทุกชนิด รวมทั้งให้ติดตามจับกุมผู้ต้องหาหลบหนีคดีค้างเก่าตามหมายจับที่มีอยู่ในแต่ละท้องที่
ล่าสุด เจ้าหน้าที่นำโดย พ.ต.ท.อิทธิพล ศิวาธรณิศร รองผู้กำกับการสถานีตำรวจตำรวจภูธรเลาขวัญ ร.ต.อ.เทวัญ ดีพรธนพล รองสารวัตรสืบสวนสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเลาขวัญ ร.ต.ท.อัมพร มักสัมพันธ์ รองสารวัตรสืบสวนสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเลาขวัญ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน
โดยได้นำกำลังเข้าจับกุมตัว นายเอกพจน์ รักน้อย อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 82 หมู่ 10 ต.หนองประดู อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดกาญจนบุรี ที่ มจ.18/2552 ลงวันที่ 22 มกราคม 2552 ผู้ต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “โดยปราศจากเหตุอันควร พรากเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง ผู้ดูแล และกระทำอนาจารเด็กหญิงอายุไม่เกินสิบห้าปี”
ส่วนสาเหตุในการจับกุมนั้น สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 24 ต.ค.51 ผู้ต้องหาได้นำพา ด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 13 ปี ออกจากบ้านที่ ต.หนองโสน อ.เลาขวัญ และไปอยู่กินด้วยกัน 3 วัน จากนั้นพ่อและแม่ของ ด.ญ.เอ ได้มาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษเอาไว้ที่สถานีตำรวจภูธรเลาขวัญ พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเลาขวัญ จึงรวบรวมพยานหลักฐานรายงานต่อศาลจังหวัดกาญจนบุรี จนกระทั่งศาลจังหวัดกาญจนบุรี อนุมัติหมายจับดังกล่าว
โดยตลอดระยะเวลาประมาณ 8 ปี ผู้ต้องหาได้หลบหนีหมายจับไปทำงานเป็นช่างทำเฟอร์นิเจอร์ ทั้งใน กทม. และต่างจังหวัด เจ้าหน้าที่ได้พยายามออกติดตามจับกุมมาอย่างต่อเนื่องแต่ไม่พบ และในที่สุด วันนี้ (20 พ.ย.) เจ้าหน้าที่สืบทราบว่า นายเอกพจน์ ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีค้างเก่า ได้กลับมาบ้าน และกำลังเดินทางไปชำระค่าไฟฟ้า
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังไปดักซุ่มโป่ง จนกระทั่งเวลา 14.00 น.พบผู้ต้องหาเดินทางกลับมาที่บ้าน เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุมตัวพร้อมแสดงหมายจับให้ผู้ต้องหาดู ซึ่งเบื้องต้น นายเอกพจน์ ยอมรับสารภาพว่า เป็นบุคคลคนเดียวกันกับหมายจับ จึงคุมตัวไปสอบสวนเพิ่มเติม ก่อนที่จะส่งมอบให้แก่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเลาขวัญ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป