ศูนย์ข่าวศรีราชา-พ่อแม่“น้องเมย” สุดช้ำ หลัง ผบ.สูงสุด แจงลูกชายเสียชีวิตเพราะหัวใจวายเฉียบพลัน หลังกลับเข้า ร.ร.เตรียมทหาร เผยไม่เคยได้รับการชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร ซ้ำผลการผ่าชันสูตรรอบ 2 ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ยังพบว่า อวัยวะสำคัญถูกนำออกจากร่างกายโดยไม่มีการขออนุญาต
วันนี้ (20 พ.ย.) นายพิเชษฐ นางสุกัลยา และ น.ส.สุพิชา ตัญกาญจน์ พ่อแม่ และพี่สาวของ นตท.ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือน้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ซึ่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ 17 ต.ค.2560 หลังกลับเข้าโรงเรียนเตรียมทหารได้เพียง 1 วัน และทางครอบครัวได้รับเพียงใบมรณบัตรจากโรงเรียนเตรียมทหาร ที่ระบุสาเหตุว่า เกิดจากภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน และทางครอบครัวได้จัดพิธีฌาปนกิจที่วัดวิเวการาม อ.บางพระ จ.ชลบุรี ไปเมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้ออกมาเปิดใจต่อผู้สื่อข่าวอีกครั้ง หลัง พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้ออกมาเปิดเผยถึงผลพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ถึงสาเหตุการเสียชีวิตของ น้องเมย ว่า เกิดจากหัวใจวายเฉียบพลัน พร้อมระบุว่า แม้บิดามารดาของ น้องเมย จะไม่สบายใจก็ต้องว่าไปตามกระบวนการนั้น
ทางครอบครัวรู้สึกไม่สบายใจต่อสิ่งที่ พล.อ.ธารไชย ออกมาเปิดเผย เนื่องจากปัจจุบันครอบครัวไม่เคยได้รับการติดต่อจากโรงเรียนเตรียมทหาร หรือแม้แต่ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อชี้แจงถึงสาเหตุการเสียชีวิต และสาเหตุที่ทำให้หัวใจล้มเหลวเฉียบพลันแต่อย่างใด
“เราต้องบอกว่าไม่เคลียร์กับคำพูดของ ผบ.สูงสุด เพราะครอบครัวยังไม่ได้รับเอกสารชี้แจงเรื่องผลการชันสูตร และเพราะเหตุใด ผบ.สูงสุด จึงรีบออกมาให้ข่าวว่า เป็นเพราะหัวใจวายเฉียบพลัน ที่สำคัญก่อนหน้านี้ โรงเรียนเตรียมทหารทำให้เราเข้าใจว่าได้ส่งศพ น้องเมย ไปชันสูตรที่โรงพยาบาลพระมงกุฎฯ แต่ข้อเท็จจริงเมื่อ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา เราได้รับแจ้งจาก ผอ.กองการแพทย์ และ ผบ.โรงเรียนเตรียมทหาร คือ ศพน้องเมย ถูกส่งไปยังสถาบันพยาธิวิทยา ที่ขึ้นอยู่กับกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข”
ขณะที่ น.ส.สุพิชา ตัญกาญจน์ พี่สาวของน้องเมย บอกว่า เนื่องจากทางครอบครัวต้องการที่จะได้รับผลสนับสนุน และผลการชันสูตรที่แม่นยำ จึงตัดสินใจนำศพ น้องเมย ส่งผ่าพิสูจน์รอบ 2 ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ โดยมิได้นำศพเผาจริงในวันฌาปนกิจ เนื่องจากเกรงว่าจะมีบางสิ่งในร่างกายที่สถาบันแรกอาจตรวจไม่พบ ซึ่งผลที่ได้รับถึงกับทำให้ครอบครัวตกใจ เพราะนอกจากจะพบรอยช้ำที่ไม่สามารถยืนยันได้ว่าเกิดจากอะไรแล้ว ยังพบว่า มีการหักของซี่โครงซี่ที่ 4 ด้านขวา ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่ทำ CPR หัวใจ และยังพบรอยช้ำที่มุมขวาด้านหน้า เช่นเดียวกับบริเวณแผ่นหลัง
นอกจากนั้น ยังพบว่าอวัยวะสำคัญหลายส่วนหายไป ทั้ง สมอง หัวใจ กระเพาะอาหาร และกระเพาะปัสสาวะ โดยที่ไม่เคยได้รับการบอกกล่าวจากผู้อำนวยการกองการแพทย์ โรงเรียนเตรียมทหารตั้งแต่เมื่อครั้ง น้องเมย เสียชีวิต แต่ครอบครัวกลับได้รับแจ่งเพียงว่า ขออนุญาตตัดชิ้นเนื้อบางส่วนเพื่อทำสไลด์หาสาเหตุการเสียชีวิตเท่านั้น
“จากการสอบถามแพทย์ที่ผ่าพิสูจน์รอบ 2 ก็บอกว่า ไม่เคยเจอกรณีที่มีการนำอวัยวะออกไปโดยไม่แจ้งให้ญาติทราบ ซึ่งปกติจะต้องมีการทำเอกสารขออวัยวะ แต่กองการแพทย์ โรงเรียนเตรียมทหาร ไม่เคยทำเอกสารใดๆ แจ้งมาทางครอบครัว และสิ่งที่เรายอมรับไม่ได้คือ คำพูดของ ผบ.สูงสุด เพราะผลจากการนำไปแยกธาตุรอบ 2 ยังไม่ออกมา เราจึงจะรอผลการชันสูตรของสถาบันที่ 2 ก่อน จากนั้นผลจะออกเป็นเช่นไรเราจะยอมรับ ในวันนี้จึงขอเรียกร้องให้ ผบ.สูงสุด ผอ.กองการแพทย์ โรงพยาบาลเตรียมทหาร และ ผบ.โรงเรียน ออกมาอธิบายถึงสาเหตุที่ทำให้น้องหัวใจวายเฉียบพลันว่าเกิดจากอะไร ที่สำคัญขณะนี้สถาบันที่ 2 ที่ทำการผ่าพิสูจน์ศพยังไม่ได้รับอวัยวะที่ถูกนำออกไป ทั้งที่เราได้ทำเรื่องขอจากทาง ผอ.กองการแพทย์ ไปแล้วเมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งผลการชันสูตรรอบ 2 จะรู้ผลเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับอวัยวะที่ถูกนำออกไปว่าจะได้คืนเมื่อใด” น.ส.สุพิชา กล่าว
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ ผู้สื่อข่าวเคยได้รับการเปิดเผยจาก พล.ต.กนกพงษ์ จันทร์นวล ผู้บัญชาการโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อครั้งเดินทางมาร่วมพิธีฌาปนกิจเมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา ว่า ได้สั่งการให้มีการตั้งคณะกรรมการเพื่อดำเนินการสอบสอนสาเหตุการเสียชีวิตของ น้องเมย โดยมีรองผู้บัญชาการโรงเรียนเป็นประธาน ซึ่งผลสรุปออกมาเช่นไรจะรีบแจ้งให้ผู้ปกครองทราบ พร้อมยืนยันว่า โรงเรียนฯ ไม่มีระบบซ่อม แต่เป็นระบบของการธำรงวินัย เช่นเดียวกับนักเรียนทหารทั่วโลก พร้อมยืนยันว่า สามารถหาสาเหตุการเสียชีวิตได้ในเวลาไม่ถึง 2 เดือนนับตั้งแต่วันที่เสียชีวิต