ลำปาง - สาวร้านนวดแผนไทยในเกาหลี ยืนยันข้ามประเทศ ไม่เคยชวนสาว 17 เหยื่อค้ากามข้ามชาติไปทำงาน แต่แม่เขาไลน์มาขอหลายรอบ จึงติดต่อให้คุยนายจ้าง-เจ้าตัวเลือกงานเอง ด้านตำรวจรอสอบปากคำเพิ่ม ชี้มียึดเอกสารเดินทาง บังคับใช้แรงงาน เข้าข่ายค้ามนุษย์
ความคืบหน้าคดีสาวลำปางถูกชักชวนไปทำงานร้านนวดที่เกาหลีใต้แล้วถูกบังคับค้าประเวณี ก่อนที่จะแจ้งตำรวจตรวจคนเข้าเมืองให้ช่วยเหลือออกมาได้ ล่าสุด น.ส.กลอย อยู่บ้านเลขที่ 25 ม.4 ต.ทุ่งฝ่าย อ.เมืองลำปาง ได้โทรฯ ไลน์ติดต่อกับ น.ส.ดวงเนตร ม่วงศรีจันทร์ หรือ พลอย อายุ 24 ปี ชาวบ้านหมู่ 10 ต.ทุ่งฝาย อ.เมืองลำปาง ที่ทำงานร้านนวดแผนไทยในเกาหลี และถูกระบุว่า เป็นผู้ชักชวน น.ส.ซี(นามสมมุติ) อายุ 17 ย่าง 18 ปี ไปทำงานร้านนวดที่เมืองปูซาน ประเทศเกาหลี แต่เมื่อไปถึงกลับถูกนำตัวให้ไปทำงานขายบริการ ก่อนจะหนีออกมาได้ และไลน์ขอความช่วยเหลือจากแม่ แจ้งเจ้าหน้าที่จนสามารถเข้าไปช่วยเหลือออกจากร้าน
น.ส.ดวงเนตร หรือพลอย ยืนยันว่า ตนรู้จักกับ น.ส.ซี จริง เพราะเป็นญาติห่างๆ กัน ซึ่งตนได้เดินทางมาทำงานร้านนวดแผนไทยในประเทศเกาหลีได้เกือบปีแล้ว และก็ไม่เคยมีปัญหา ล่าสุดแม่ของ น.ส.ซี ที่มีศักดิ์เป็นน้า ได้ไลน์มาหา เพื่อขอให้ช่วยหางานให้ทำ ตอนแรกตนได้ปฏิเสธ เพราะต้องทำงานไม่ว่าง และรู้ว่า น.ส.ซี ทำงานไม่จริงจังมากนัก
แต่แม่ของ น.ส.ซี ก็ยังไลน์มาขอให้ช่วยอีก ตนจึงได้ถามไปว่า ต้องการทำงานประเภทไหน เพื่อให้เจ้าตัวเลือกเอง และตนก็จะประสานเจ้าของร้านให้พูดคุยกันเอง ซึ่งทาง น.ส.ซี ได้เลือกประเภทงานที่จะทำด้วยตนเอง ตนจึงติดต่อร้านให้พูดคุยเจรจากันเองทั้งหมด หลังจากนั้นตนก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรด้วยอีก ทั้งเรื่องการเดินทาง การจ่ายเงินค่าจ้าง หรือแม้แต่เรื่องการการทำงานเมื่อไปถึงเกาหลี น.ส.ซี ดำเนินการด้วยตนเองทั้งหมด ตนก็ทำงานของตนไปไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกัน
จากนั้นเมื่อมาทำงาน ได้สักระยะ ตนได้รับแจ้งจาก น.ส.ซี ว่า ได้หนีออกจากร้านเดิม เพราะถูกทำร้ายร่างกาย แต่เมื่อสอบถามไปก็ทราบว่า น.ส.ซี ไม่ชอบทำงานจึงหนีออกจากร้าน เมื่อเจ้าของร้านมาเจอจึงโมโห ได้กระชากผม และตบไปหนึ่งครั้งเท่านั้น หลังจากนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรอีกเลย และนำตัวกลับไปที่ร้าน เนื่องจาก น.ส.ซี ยังทำงานใช้หนี้ไม่หมด
เจ้าของร้านจึงบอกว่า หากจะไปอยู่ที่อื่น ก็ให้จ่ายหนี้มาก่อน พร้อมยืนยันว่า น.ส.ซี ถูกส่งตัวกลับถึงไทยตั้งแต่เวลาประมาณ 3 ทุ่มวันที่ 16 พ.ย.แล้ว
ด้านนางแก้วดี ม่วงศรีจันทร์ อายุ 45 ปี นายศิริภัณฑ์ ม่วงศรีจันทร์ แม่และพ่อ ของ น.ส.ดวงเนตร ม่วงศรีจันทร์ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหลังกลับจากตระเวนรับซื้อของเก่า ว่า ลูกสาวของตน (น้องพลอย) เพิ่งเดินทางไปทำงานที่ร้านนวดแผนไทยที่เกาหลียังไม่ครบปี ก่อนเดินทางได้ยืมเงินปู่ 1 แสนบาท นำมาแบ่งเงินไว้ให้พ่อกับแม่ 2 หมื่นบาท และนำเงินติดตัวไปแค่ 8 หมื่นบาท
และเมื่อไปถึงเกาหลี ตนยืนยันได้เลยว่า ลูกทำงานในร้านนวดจริงๆ ไม่ได้ไปค้าประเวณี เพราะหากลูกของตนเองค้าประเวณีจริง คงได้เงินส่งมาให้ทางบ้านแล้ว แต่ตอนนี้พ่อ-แม่ก็ยังต้องทำงานหาเงินใช้หนี้ และลูกเองก็ไม่ได้มีเงินมากแต่อย่างใด
ส่วนเรื่องที่ถูกกล่าวหาว่า ไปชักชวน น้องซี ซึ่งก็รู้จักกันไปทำงานที่เกาหลี และไปค้าประเวณี ตนยืนยันว่าลูกไม่ได้เป็นคนชักชวน เพราะก่อนหน้านั้น แม่และน้องคนดังกล่าวได้มาขอให้ลูกพาไปทำงานด้วย แต่ลูกปฏิเสธ เพราะไม่ต้องการมีปัญหา
“ถามผู้นำหมู่บ้าน หรือชาวบ้านแถวนี้ได้ว่า ลูกผมเป็นคนอย่างไร ดังนั้นจึงขอความเป็นธรรมให้กับลูกด้วย หากใครที่ใส่ร้ายก็ขอให้สิ่งเหล่านั้นกลับคืนไป ผมพร้อมให้ข้อมูลทุกอย่างเพราะบริสุทธิ์ใจ”
ทั้งนี้ตั้งแต่เป็นข่าวตนเองยังไม่ทราบ เพิ่งจะทราบเมื่อเย็นวันที่ 17 พ.ย. เพราะตนเองไม่อยู่บ้านต้องไปหาซื้อของเก่าตลอดทั้งวัน กระทั่งผู้ใหญ่บ้านมาแจ้งตนว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญไปให้ปากคำเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งตนก็ตกใจ แม้แต่ผู้ใหญ่บ้านก้ไม่เชื่อว่า ลูกของตนเองจะเป็นคนแบนั้น
ด้าน พ.ต.อ.ณัฐญ์วสุภ์ แสงณิรัฒศัย ผกก.สภ.ทุ่งฝาย กล่าวว่า ขณะนี้ ยังไม่สามารถแจ้งข้อกล่าวหากับ น.ส.ดวงเนตร ม่วงศรีจันทร์ ได้ เนื่องจากยังอยู่ระหว่างการสอบสวน และเพิ่งได้สอบปากคำแม่ของ น.ส.ซี ซึ่งเป็นผู้เสียหายไปเท่านั้น ต้องรอ น.ส.ซี กลับมาจากเกาหลีก่อน เมื่อสอบสวนทุกอย่างเสร็จสิ้น ก็จะสามารถตั้งข้อกล่าวหาได้
แต่เบื้องต้นหากเป็นไปตามที่แม่ น.ส.ซี ให้ปากคำ ก็ถือว่าเข้าข่ายการค้ามนุษย์ เพราะ น.ส.ซี ยังถือว่าเป็นเยาวชน ถูกยึดเอกสารการเดินทาง และถูกใช้แรงงาน ก็ถือว่าเข้าองค์ประกอบการค้ามนุษย์ แต่ทั้งนี้ต้องรอสอบปากคำผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเพิ่มเติมก่อน