ประจวบคีรีขันธ์ - กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เตรียมประชุมเสนอแผนจัดการขยะในทะเลในกลุ่มประเทศอาเซียนและจีน ระหว่างวันที่ 22-23 พฤศจิกายน 60 ที่ที่จังหวัดภูเก็ต เพื่อหาแนวทางลดปริมาณขยะพลาสติกที่มีเป็นจำนวนมากในทะเล หลังจากประเทศไทยถูกจัดเป็นอันดับ 6 ที่ทิ้งขยะลงทะเลมากที่สุดในโลก โดยมีเป้าหมายลดขยะเป้าหมายพลาสติกในทะเลให้ได้ 0.08-0.16 ล้านตันต่อปี
วันนี้ (17 พ.ย.) นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวถึงปัญหาขยะที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ทั้งที่หาดหัวหิน หาดวนอุทยานปราณบุรี หาดสามร้อยอด และอีกหลายพื้นที่ชายฝั่งทะเล ทั้งอ่าวไทย และอันดามัน ซึ่งจากข้อมูลผลงานวิจัยของประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี 2558 โดยใช้ข้อมูลปี 2553 ของ 192 ประเทศ บ่งชี้ว่า ประเทศไทยถูกจัดอยู่ในลำดับ 6 ที่ทิ้งขยะลงทะเลมากที่สุดในโลก ทำให้ประเทศเรายังมีขยะอยู่ในทะเลเป็นปริมาณมาก สะท้อนว่า เรายังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรในการจัดการปัญหาขยะในทะเล
ต้องยอมรับว่า ปัญหาขยะทะเลเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากกิจกรรม การดำเนินชีวิตของมนุษย์ และได้ก่อให้เกิดผลกระทบทำให้สภาพของทรัพยากรธรรมชาติเสื่อมโทรมลง โดยเฉพาะระบบนิเวศบริเวณชายฝั่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อห่วงโซ่อาหาร อันมีผลต่อความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์น้ำและทรัพยากรชายฝั่ง เพราะขยะที่เกิดจากกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ท้ายที่สุดแล้วก็จะไหลลงสู่ทะเล จึงทำให้ในทะเลมีขยะจำนวนมากที่ส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำทะเล และสิ่งแวดล้อมในทะเล
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวอีกว่า จากปัญหาขยะที่เกิดขึ้นทำให้ประเทศไทยต้องพยายามหาวิธีการลดปริมาณขยะลงให้มากที่สุด ต้องยอมรับว่าขยะในทะเลพลาสติก คือพบเป็นปริมาณที่มาก ซึ่งในวันที่ 22-23 พฤศจิกายน 2560 นี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) จัดให้มีการประชุมระดับอาเซียน เรื่องการลดปริมาณขยะทะเลในกลุ่มประเทศอาเซียนและจีน ขึ้นที่จังหวัดภูเก็ต
ขณะที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ก็มีแผนแม่บทการบริหารขยะมูลฝอยของประเทศ พ.ศ.2559-2564 ที่ได้จัดทำมาตรการเพื่อจัดการขยะทะเล 5 ด้าน การศึกษาชนิด ปริมาณแหล่งที่มา และจัดทำฐานข้อมูลการลดผลกระทบจากขยะทะเลต่อระบบนิเวศ ที่สำคัญ การลดปริมาณขยะทะเลตามหลักวิชาการ ส่งเสริมให้ผู้ผลิต ผู้จำหน่ายสินค้าใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการสร้างจิตสำนึกในการลดขยะในทะเล ด้วยการเริ่มลดปริมาณขยะทะเล โดเฉพาะขยะทะเลพลาสติกในพื้นที่จังหวัดชายฝั่งทะเล เกาะ
นอกจากนี้ ยังมีการจัดทำพื้นที่ต้นแบบในการห้ามใช้ขยะพลาสติก โดยให้ใช้วัสดุอื่นทดแทน ซึ่งมีเป้าหมายลดขยะพลาสติกในทะเลให้ได้ 0.08-0.16 ล้านตันต่อปี
ในวาระสำคัญ ซึ่งทาง ทช.ต้องผลักดันคือ ให้ประเทศในอาเซียนส่วนใหญ่ที่มีปัญหาขยะในทะเลร่วมกัน และมีพื้นที่เชื่อมต่อกันทำแผนการจัดการขยะของของภูมิภาคอาเซียนระดับโลก รวมทั้งแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และวิธีการจัดการขยะทะเล เพื่อลดปัญหา โดยเฉพาะจีนที่มีปัญหาขยะพลาสติกในทะเลอันดับแรก ส่วนสิงคโปร์ มาเลเซียจะมีเทคโนโลยี และมาตรการจัดการขยะที่ดีก็จะได้นำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน หารือถึงมาตรการความร่วมมือในการจัดการลดปัญหาขยะในทะเลในระดับอาเซียน ที่ลอยเคลื่อนที่ไปมาในหลายประเทศ ทั้งอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์
โดยช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ขยะที่มาเกยหาดหัวหิน-หาดปราณบุรี ก็ไม่ใช่ขยะในพื้นที่ แต่มาจากพื้นที่อื่นๆ ซึ่งพบว่า ขยะที่พบในทะเลเกิดจากบนบก 80 เปอร์เซ็นต์ และที่เหลือ 20 เปอร์เซ็นต์ขยะในทะเล ซึ่งในการประชุมครั้งนี้จะต้องหามาตรการที่จะลดปริมาณขยะตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง ปลายทาง อย่างไรก็ตาม ในส่วนของต้นทางต้องสร้างจิตสำนึก รณรงค์ให้ทุกคนควรจัดการขยะตั้งแต่ครัวเรือน การคัดแยกขยะประเภทต่างๆ และสิ่งสำคัญต้องทิ้งขยะอย่างถูกวิธี ส่วนกลางทางก็หารือร่วมกับท้อถิ่นทั้ง เทศบาล อบต. ถึงแนวทางที่จะต้องช่วยการลดปริมาณขยะ ก่อนที่ปริมาณขยะจะถูกทิ้งลงสู่แม่น้ำ และไหลลงสู่ทะเล และก็กลับขึ้นมาที่ชายหาด
ซึ่งในวันประชุมระดับอาเซียน จะต้องมีมาตรการด้านต่างๆ ออกมา รวมทั้งการออกกฎระเบียบต่างๆ ซึ่งประเทศไทยมีเป้าหมายที่ชัดเจนอยู่แล้วที่ต้อการลดปริมาณขยะทั้งต้นทาง-ปลายทางลงให้เหลือน้อยที่สุด โดยมีเป้าหมายลดขยะเป้าหมายพลาสติกในทะเลให้ได้ 0.08-0.16 ล้านตันต่อปี เพื่อไม่ให้ลงไปสู่ทะเลกลายเป็นปัญหา และส่งผลกระทบ ซึ่งต้องเพิ่มมาตรการที่เข้มข้นให้มากขึ้นเรื่องการแก้ปัญหาขยะ หากไม่รีบดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมทางทะเล และชายฝั่ง