กาฬสินธุ์-นายช่างกรมทางหลวง แขวงทางหลวงกาฬสินธุ์ โร่แจ้งความหลังถูกโจรคีย์บอร์ดแอบอ้างชื่อในเฟซบุ๊ก ขอเงินลูกหลานและเพื่อนร่วมงานโอนเงินเข้าแบงก์กว่า 1 แสนบาท ด้านผู้การฯ กาฬสินธุ์ สั่งพนักงานสอบสวนเร่งรัดหาผู้กระทำผิดดำเนินคดี เหตุเป็นเคสแรกของจังหวัดที่ถูกแฮกเฟซบุ๊ค หวั่นคนร้ายย่ามใจตุ๋นเหยื่อทางโลกโซเชียลซ้ำอีก
วันนี้(11 พ.ย.) ที่ สภ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ นายอนุชา จันทรา นายช่างเครื่องกลชำนาญงาน แขวงทางหลวงกาฬสินธุ์ อายุ 55 ปี บ้านเลขที่ 394 หมู่ 4 ต.ยางตลาด อ.ยางตลาด เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.วิรัตน์ วงค์สอน รอง สว.(สอบสวน) โดยระบุว่า ได้รับความเสียหายหลังถูกแอบอ้างชื่อขอเงินลูกหลาน เพื่อนร่วมงาน และคนรู้จัก ผ่านทางเฟซบุ๊ก ทำให้มีผู้หลงเชื่อโอนเงินเข้าธนาคารให้บุคคลคลดังกล่าวรายละ 10,000 – 35,000 บาท รวมแล้วร่วม 100,000 บาท
นายอนุชา เล่าว่า เมื่อวานนี้ (10 พ.ย.) เวลาประมาณ 14.00 น. ตนได้รับโทรศัพท์จากญาติพี่น้อง และเพื่อนข้าราชการหลายคน ว่าเห็นตนโพสต์ขอยืมเงินทางเฟซบุ๊ก จึงโทรศัพท์สอบถามขอความมั่นใจ ทำให้ตนตกใจเป็นอย่างมาก เพราะไม่เคยขอยืมเงินจากใครเลย แต่ก็ได้รับการยืนยันว่าตนขอยืมเงินจริง โดยการแคปหน้าจอมายืนยันทั้งภาพโปร์ไฟล์และบทสนทนาขอยืมเงิน
จากการสอบถามกญาติพี่น้องและเพื่อนข้าราชการ ยังทราบว่า มีหลายคนที่หลงเชื่อโอนเงินเข้าธนาคารไปแล้วหลายคน เช่น นายยศวัฒน์ จันทรา ลูกชาย ทำงานอยู่กรุงเทพฯ จำนวน 35,000 บาท น.ส.กาญจนา จำปารัตน์ หลานสาว ทำงานอยู่กรุงเทพฯ จำนวน 10,000 บาท นายภานุวัฒน์ แสงจันทร์ เพื่อนที่ทำงานอยู่ จ.สุพรรณบุรี จำนวน 15,000 บาท และอีกหลายคนซึ่งรวมจำนวนเงินประมาณ 100,000 บาท ทั้งยังมีคนรู้จักโทรศัพท์มาสอบถามความมั่นใจเกือบ 20 คน
นายอนุชากล่าวอีกว่า บุคคลที่แอบอ้างชื่อเฟซบุ๊กดังกล่าว ได้ใช้เฟซบุ๊ก “อนุชา จันทรา” ซึ่งเป็นชื่อเฟซบุ๊กของตน เป็นช่องทางในการหลอกขอเงินจากลูกหลานและเพื่อนที่หลงเชื่อ โดยให้โอนเข้าบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาคลองหลวง จ.ปทุมธานี หมายเลข 314-478676-0 เจ้าของบัญชีชื่อนายศุกยรัตน์ แสงดีจันทร์ ซึ่งทุกคนได้โอนเข้าบัญชีดังกล่าว โดยไม่ได้โทรศัพท์มาสอบถามตนก่อน
หลังจากเห็นความผิดปกติดังกล่าว จึงได้โทรศัพท์แจ้งไปยังลูกชาย หลานสาวและเพื่อนที่โอนเงินให้ ว่ารีบแจ้งอายัดกับทางธนาคารฯ ทั้งนี้ จากการประสานกับธนาคารฯ ทราบว่าบัญชีดังกล่าวได้ถอนเงินจากบัญชีไปแล้ว 20,000 บาท ขณะที่เฟซบุ๊กของตนถูกบล็อก ไม่สามารถเข้าไปดูได้อีก
“จึงได้มาแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน เพราะตนไม่มีส่วนรู้เห็นกับการกระทำของมิจฉาชีพ และไม่เคยขอยืมเงินจากใคร อยากให้เจ้าหน้าที่ได้เร่งติดตามมือแฮกเฟซบุ๊กมาดำเนินคดีอย่างเร่งด่วน เพื่อที่จะไม่ไปต้มตุ๋นคนอื่นให้หลงเชื่อโอนเงินให้อีก”
ด้าน ร.ต.อ.วิรัตน์ วงค์สอน รอง สว.(สอบสวน) กล่าวว่า หลังได้รับแจ้งความ จะประสานกับทางธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาคลองหลวง เพื่อสืบหาบุคคลเจ้าของบัญชีดังกล่าว ว่ามีตัวตนจริงหรือไม่ มีผู้เสียหายโอนเงินให้จริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ได้แนะนำให้ผู้เสียหาย นำสลิปหรือใบโอนเงิน เข้าแจ้งความกับตำรวจท้องที่ที่ตนโอนเงิน เพื่อเป็นหลักฐานประกอบการติดตามคนร้าย ซึ่งการกระทำในลักษณะดังกล่าวเข้าข่ายแอบอ้าง ต้มตุ๋นหลอกหลวง และมีความผิดทาง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
ขณะที่ พล.ต.ต.มนตรี จรัลพงศ์ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า คดีแฮกเฟซบุ๊ก โดยหลอกลวงคนอื่นโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารรายนี้ ถือเป็นคดีแรกที่เกิดขึ้นในพื้นที่กาฬสินธุ์ ทำให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงผู้ที่ถูกแฮกเฟซ และเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินผู้ที่หลงเชื่อ จึงได้สั่งการไปยังพนักงานสืบสวนเจ้าของคดี ได้เร่งประสานและติดตามคนร้ายมาทำเนินคดีโดยเร็วที่สุด
เนื่องจากเป็นภัยสังคมที่ใกล้ตัว เพื่อที่ประชาชนโดยเฉพาะผู้ที่เล่นเฟซเล่นไลน์ จะได้เพิ่มความระมัดระวังตัวมากขึ้น และจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพที่ต้มตุ๋นทางโลกโซเชียล
ทั้งนี้ขอฝากเตือนไปถึงประชาชน ที่ติดต่อกันทางโลกโซเชียล เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น ก็ควรจะมีการพูดคุยกันทางโทรศัพท์ด้วย เพื่อความมั่นใจและจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ