ตราด - เด็กไทยไร้สัญชาติคว้ารองแชมป์-แชมป์ (ทีม) พับเครื่องบินกระดาษเอเชีย เผยความรู้สึกเกือบไม่ได้ไปแข่งขัน ด้าน ผอ. ครูผู้ฝึกสอนชี้มีอุปสรรครอบด้านกว่าจะได้แข่งที่ประเทศญี่ปุ่น
หลังการได้รับรางวัล “การแข่งขันพับกระดาษชิงแชมป์เอเชีย” ที่ นายเชิด กิมสร้อย นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนคลองใหญ่วิทยาคม จ.ตราด ได้สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทย และโรงเรียน จ.ตราด ด้วยการคว้ารองแชมป์เอเชีย ในประเภทบุคคล และคว้ารางวัลชนะเลิศประเภททีม เมื่อวันที่ 2-3 พฤศจิกายน 2560 ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยผู้อำนวยการ และครูผู้ฝึกสอน2 คน และนักเรียนต่างดีใจ และปลื้มใจเป็นอย่างมาก
ด้าน นายเชิด บอกถึงความรู้สึกว่า ดีใจมากที่ได้รับรางวัลจากการแข่งขันครั้งนี้ เพราะหลังจากที่ได้ชนะเลิศในระดับประเทศ ได้เป็นตัวแทนของประเทศไทยไปแข่งขันที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งกว่าจะสามารถเดินทางไปยอมรับเกือบไม่ได้เดินทางแล้ว เพราะติดปัญหาเรื่องสัญชาติ แต่ดีที่ได้รับการช่วยเหลือจากคุณครู และกระทรวงมหาดไทย จนสามารถเดินทางไปได้ โดยตั้งใจว่าจะต้องนำรางวัลกลับมาประเทศไทยให้ได้ และเมื่อลงแข่งขันกับผู้เข้าแข่งขันจากประเทศอื่น ทั้งเกาหลีใต้และญี่ปุ่นก็พยายามเต็มที่ และสามารถคว้ารางวัลได้ทั้งรองแชมป์ส่วนบุคคล และแชมป์ประเภททีม
“ผมอยากจะบอกว่า ขอบคุณคุณครูทั้ง 2 คน ขอบใจเพื่อน (นายอนุพงศ์ ศรีสวัสดิ) ที่เป็นคู่ซ้อม และแนะนำ ส่วนผมได้หาความรู้ทั้งจากเน็ต และยูทูปเพื่อหาเทคนิค ซึ่งการพับกระดาษ ทั้งองศา และมุม ซึ่งเมื่อถึงการแข่งขันสามารถปรับให้เข้ากับสถานการณ์ได้ และสามารถร่อนอยู่ในอากาศได้นานกว่า 21 วินาที ชนะผู้แข่งจากเกาหลีไต้ได้ และเข้าในรอบชิง แต่มาแพ้เด็กไทยอีกคน ได้รองแชมป์ แต่ประเภททีมได้แชมป์มา ซึ่งที่ผ่านมา มีการฝึกซ้อม และพับกระดาษที่เป็นเครื่องบินมากว่า 1 พันเครื่อง จนสามารถรู้ถึงเทคนิคได้” นายเชิด กล่าว
นายเชิด กล่าวอีกว่า อยากจะบอกเพื่อนๆ และน้องว่า หากต้องการประสบความสำเร็จต้องมีความพยายาม และมีความมุ่งมั่นในการเรียนรู้ ซึ่งเมื่อจบการศึกษามัธยมศึกษาปีที่ 6 แล้ว ได้เข้าสอบที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาเครื่องกล ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอสัมภาษณ์จากอาจารย์ประจำคณะ
นายจักรกฤษ แท่นยั้ง อาจารย์โรงเรียนคลองใหญ่วิทยาคม ที่เป็นผู้ผลักดัน และฝึกสอน ได้เปิดเผยถึงความสำเร็จในครั้งนี้ว่า เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา นายเชิด กิมสร้อย และอนุพงษ์ ศรีสวัสดิ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีความสนใจในการพับกระดาษเครื่องบินที่สามารถลอยในอากาศได้นาน จึงได้นำไปทำการแข่งขันในงานวิทยาศาสตร์แห่งชาติ แต่ทั้ง 2 คน แม้จะได้รับรางวัลแต่ไม่ได้รางวัลชนะเลิศ จึงได้กลับมาฝึกซ้อม และส่งเข้าทำการแข่งขันจนสามารถชนะเลิศในเดือนกันยายน 2560 และเมื่อเดินทางไปแข่งขัน นายเชิด กิมสร้อย สามารถทำผลงานได้ดี และเอาชนะผู้เข้าแข่งขันที่เป็นตัวเต็งจากญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ที่มีประสบการณ์ และเป็นผู้ใหญ่ ขณะเชิด กิมสร้อย เป็นนักเรียน ซึ่งหลังจากเข้ารอบชิงชนะเลิศ สามารถเอาชนะผู้ใหญ่ที่เป็นชาวเกาหลีใต้ได้ แต่มาแพ้เด็กไทยที่ได้แชมป์ และในประเภททีม ก็สามารถล้มแชมป์เก่าได้
ส่วน นายสปันญ์ยุทธ พัชรภูเบศร์ อาจารย์โรงเรียนคลองใหญ่วิทยาคม ผู้มีส่วนผลักดันให้ประสบความสำเร็จ และวิ่งเต้นจนสามารถได้ใบรับรองจากกระทรวงมหาดไทยได้ เปิดเผยว่า หลังนายเชิด กิมสร้อย ได้แชมป์ประเทศไทย พวกเราดีใจ แต่ก็เหมือนทุกขลาภ เพราะว่า นายเชิด กิมสร้อย เป็นเด็กกัมพูชาไร้สัญชาติ ที่รอการแปลงสัญชาติเป็นไทยจึงไม่สามารถส่งไปแข่งขันได้ต้องได้รับการรับรองก่อนจากกระทรวงมหาดไทย จึงต้องดำเนินการอยู่นาน แต่สามารถได้จากการช่วยเหลือจากทั้งอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และปลัดกระทรวงมหาดไทย ก่อนถึงวันสุดท้ายที่สมาคมพับกระดาษแห่งประเทศไทย ที่กำหนดให้ เพราะต้องเตรียมการขอวีซ่าเข้าประเทศญี่ปุ่น สุดท้ายทำได้
โดยต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเดินทางทั้งหมด ยกเว้นนักกีฬา คือ ตัว นายเชิด กิมสร้อย คนเดียว ซึ่งการเดินทางไปของเราก็ต้องนอนพักเอง ขึ้นเครื่องเอง ทั้งหมดไม่ได้รับการดูแลจากสมาคมแต่ประการใด แต่เราพร้อมที่จะออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดกว่า 1 แสนบาท โชคดีที่ทางผู้อำนวยการ และสมาคมผู้ปกครองโรงเรียนสนับสนุนเงินมา 50,000 บาท ที่เหลือต้องออกกันเอง
“ก่อนเดินทางไปเราได้นำพระบรมฉายาลักษณ์ รัชกาลที่ 9 พระบรมฉายาลักษณ์พระราชินี และพระบรมฉายาลักษณ์ รัชกาลที่ 10 ไปด้วย เพราะคิดในใจว่าเด็กเราสามารถทำได้ และก็ทำได้จริง ซึ่งหลังได้ชัยชนะได้ยกภาพทั้ง 3 ภาพ ชูเหนือหัวพร้อมรางวัล ซึ่งเป็นภาพที่เราปลาบปลื้มกันมากที่สุด” นายสปันญ์ยุทธ กล่าว
ด้าน นายสำเนา บุญมาก ผู้อำนวยการ กล่าวว่า ดีใจที่นายเชิด กิมสร้อย สามารถทำชื่อเสียงให้แก่ทางโรงเรียน จ.ตราด และประเทศไทย ซึ่งหลังจากได้ชนะเลิศในระดับประเทศ และเป็นตัวแทนในระดับประเทศแล้ว ได้ให้การสนับสนุน ทั้งเรื่องการเงิน และเรื่องการฝึกซ้อม ซึ่ง นายเชิด กิมสร้อย เป็นเด็กไร้สัญชาติทำให้มีปัญหาในการเดินทาง จึงต้องช่วยเหลือจนสามารถเดินทางไปได้ ซึ่งไม่ใช้เรื่องง่ายๆ ทั้งนี้ ทางโรงเรียนได้สร้างทัศนคติของนักเรียนทุกคนให้มีมุมมองในเรื่องทักษะในการออกไปประกอบอาชีพในชีวิตประจำวัน ไม่ใช้มุ่งแต่เรียนอย่างเดียว ซึ่งจะทำให้เด็กขาดประสบการณ์สำคัญของชีวิต ซึ่งเด็กนักเรียนของโรงเรียนหลายคนที่เป็นเด็กไรสัญชาติสามารถสร้างรายได้เลี้ยงตัวเอง และครอบครัวได้เป็นอย่างดี และประสบความสำเร็จด้วย