ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ตีแผ่ “ดีไวน์คลินิกเวชกรรม-ศัลกรรมสยองลำปาง” หมอกำมะลอตัวแสบมีหมายจับติดตัว ลอบเปิดตั้งแต่ต้นปี-ใช้ชื่อสาวลำปางวัย 20 จดทะเบียนตั้ง หจก. ก่อนยื่นเรื่องขอ สสจ.แล้วไม่ผ่าน แต่ยังลงมีดศัลยกรรมมาตลอด จนสาวประเภทสองชาวลำพูนดับ เหยื่อหน้าเน่าเพียบ พบมีคนจองคิวอีก 200
หลังเกิดกรณีสลด น้องกี้ หรือ นายจิรัชญา คำพูน อดีตนักศึกษาเทคนิคการแพทย์ สาวประเภทสองชาวจังหวัดลำพูน วัย 22 ปี ที่เข้าใช้บริการเสริมหน้าอกที่ “ดีไวน์คลินิกเวชกรรม จ.ลำปาง” แล้วเกิดอาการช็อกเมื่อ 28 ต.ค. 60 ก่อนที่จะเสียชีวิตกลางดึกในวันถัดมา (29 ต.ค.) นั้น
จากการตรวจสอบพบว่า “ดีไวน์คลินิกเวชกรรม” เริ่มเปิดให้บริการมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2560 ที่ผ่านมา ดำเนินการในนาม หจก.ดีไวน์ คลินิก ที่ยื่นขอจัดตั้งเมื่อ 27 เม.ย. 60 เลขที่ทะเบียนนิติบุคคลที่ 0523560000586 ตั้งอยู่ เลขที่ 152/46 โครงการปัญญาปาร์ค ถนนลำปาง-แม่ทะ ต.พระบาท อ.เมืองลำปาง ด้วยทุนจดทะเบียน 5 แสนบาท เพื่อบริการคลินิกรักษาโรคทั่วไป โดยมีชื่อ น.ส.จันทร์จิรา ธิวงศ์เงิน ที่ร่วมลงหุ้นด้วย 490,000 บาท เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ และมี น.ส.ชลีภรณ์ เสมอวงศ์ติ๊บ ถือหุ้นด้วย 10,000 บาท
ก่อนที่จะมีการยื่นขออนุญาตต่อสาธารณสุขจังหวัดลำปาง (สสจ.ลำปาง) ในเดือนพฤษภาคม 60 ซึ่งไม่ได้รับอนุญาต
อย่างไรก็ตาม “ดีไวน์คลินิกเวชกรรม” ก็เปิดให้บริการ โดยมีการจัดโปรโมชันศัลยกรรมในราคาพิเศษ ทำให้มีผู้หลงเชื่อเข้าใช้บริการอย่างต่อเนื่อง
มีนายเบญ หรือ นายธนัชพงศ์ จิตรธีภิรมย์ ซึ่งเป็น “หมอดิวตัวปลอม” เป็นผู้ทำศัลยกรรม ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติของเจ้าหน้าที่พบว่า “หมอกำมะลอ” รายนี้อายุ 29 ปี ปัจจุบันมีภูมิลำเนาอยู่ที่กรุงเทพมหานคร และพบว่ามีหมายจับรวม 5 คดีด้วยกัน
เริ่มตั้งแต่ปี 2556 ศาลจังหวัดพระโขนงออกหมายจับ ข้อหาเปิดสถานประกอบกิจการอาหารและเครื่องดื่มโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยขณะนั้นใช้ชื่อนายอนุพงศ์ เรือนสุข, ต่อมาปี 2557 ศาลจังหวัดพระโขนงออกหมายจับเกี่ยวกับคดีเช็ค โดยขณะนั้นยังคงใช้ชื่อนายอนุพงศ์ เรือนสุข
ปี 2558 ศาลจังหวัดพระโขนงออกหมายจับในคดี พ.ร.บ.เช็ค ชื่อนายอนุพงศ์ เรือนสุข และในปีเดียวกันศาลจังหวัดสมุทรปราการออกหมายจับในคดีฉ้อโกง แต่ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “นายธนัชพงศ์ จิตรธีรภิรมย์”, ปี 2559 ศาลจังหวัดสมุทรปราการออกหมายจับในคดีปลอมแปลงเอกสาร
จนกระทั่งมาก่อเหตุเปิด “ดีไวน์คลินิกเวชกรรม” ทำศัลยกรรมให้สาวประเภทสองชาวจังหวัดลำพูนจนเสียชีวิตดังกล่าว
ขณะที่ น.ส.จันทร์จิรา ธิวงศ์เงิน หุ้นส่วนผู้จัดการ หจก.ดีไวน์คลินิก พร้อมพวก 3 คน ถูกแจ้งข้อหาประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้อนุญาตให้ประกอบกิจการสถานพยาบาล และดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้อนุญาตให้ดำเนินสถานพยาบาล ซึ่ง น.ส.จันทร์จิราให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาเพราะจำนนต่อเอกสารหลักฐาน
นอกจากนี้ สสจ.ยังเตรียมแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ฐานนำบุคคลซึ่งไม่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมมาทำงานด้วย
ผู้เสียหายแห่ขึ้นโรงพักแจ้งจับเป็นพรวน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า “ดีไวน์คลินิกเวชกรรม-คลินิกศัลยกรรมสยอง” จะปิดฉากลงแล้ว แต่หลังจากเปิดบริการที่ลำปางมาได้ราว 8 เดือน ก็ทำให้ผู้ที่หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อได้รับผลกระทบหลายร้อยราย
โดยเฉพาะกรณี “น้องกี้-นายจิรัชญา คำพูน อายุ 22 ปี สาวประเภทสองชาวจังหวัดลำพูน” ที่ต้องสังเวยชีวิตให้กับคลินิกศัลยกรรมสยอง-หมอกำมะลอ ล่าสุดจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับการเยียวยาใดๆ จากคลินิกฯ-หมอปลอมตัวแสบ
พระใบฎีกาณัฏต์ธนันท์คุณวีโร เจ้าอาวาสาวัดหนองเรือ จ.ลำพูน และนายประทิน จักขุเรือง กำนันตำบลหนองหนาม ญาติของน้องกี้-นายจิรัชญา คำพูน เปิดเผยระหว่างเดินทางเข้าร้องทุกข์ต่อ สภ.เขลางค์นคร พร้อมพ่อ-แม่น้องกี้ เมื่อ 6 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า ก่อนหน้านั้นที่ญาติไม่ต้องการแจ้งความเพราะทางคลินิก และหมอดิว ที่ทราบภายหลังว่าไม่ใช่หมอจริง สัญญาว่าจะให้การช่วยเหลือทุกอย่าง ตั้งแต่เกิดเหตุพาไปโรงพยาบาล และหารถนำศพไปส่งบ้านที่จังหวัดลำพูน และยังให้พนักงานของคลินิกไปช่วยเหลือในการจัดงานศพด้วย
เจ้าของคลินิก และหมอดิวตัวปลอมเป็นผู้เจรจากับทางครอบครัวระหว่างที่เดินทางมาเป็นเจ้าภาพงานศพหนึ่งคืนว่าจะชดใช้ค่าทำศพ 300,000 บาท แต่ครอบครัวขอเป็น 500,000 บาท ทางคลินิก และหมอดิวตัวปลอมก็ยินยอม พร้อมกับเสนอการเยียวยาให้เป็นเงินทั้งหมด 3.2 ล้านบาท
แบ่งเป็นค่าทำศพ 500,000 บาท นัดจ่ายวันฌาปนกิจ 300,000 บาท และอีก 200,000 บาทขอจ่ายหลังงาน 15 วัน ส่วนอีก 1.2 ล้านบาทจะผ่อนชำระให้เสร็จสิ้นภายใน 1 ปี 6 เดือน นอกจากนั้นก็จะนำเงินค่าประกันของตัวเองที่ทำไว้และคุ้มครองถึง 99 ปี ให้แก่ทางญาติเดือนละ 5,000 บาท เป็นเวลาอีก 20 ปี ญาติทุกคนก็พอใจจึงตกลงกันว่าจะไม่แจ้งความดำเนินคดีในเรื่องนี้
กระทั่งวันสุดท้ายคือวันฌาปนกิจร่างของน้องกี้ หมอดิวตัวปลอมที่บอกว่าจะมาร่วมงาน แต่พนักงานของคลินิกได้พยายามโทรศัพท์ติดต่อตลอดทั้งวันก็ไม่รับสาย บางครั้งก็ปิดเครื่อง พนักงานรอที่งานศพกระทั่งเย็นก็ไม่เห็นแม้แต่เงา จากนั้นก็ติดต่อไม่ได้อีกเลย
สุดท้ายเงินชดใช้ที่ได้ตกลงกันไว้ ทางครอบครัวของผู้ตายก็ยังไม่ได้รับแม้แต่บาทเดียว..
พนักงานรายหนึ่งของดีไวน์คลินิกเวชกรรมเปิดเผยว่า จำนวนผู้เสียหาย เฉพาะที่ตนเองทำบัญชีระหว่างเดือนมิถุนายนถึงล่าสุดก่อนเกิดเหตุน้องกี้เสียชีวิต มีผู้ที่วางเงินมัดจำเพื่อรอคิวทำศัลยกรรมแล้วกว่า 200 ราย ซึ่งคลินิกต้องคืนเงินทั้งหมด ส่วนผู้ที่เข้าทำศัลยกรรมแล้ว และเกิดปัญหาไม่ทราบจำนวนที่แน่นอน แต่เชื่อว่าน่าจะมีอีกจำนวนมากเช่นกัน
หน้าเน่ากันเพียบ
ส่วนผู้เสียหายจากการใช้บริการศัลยกรรมสยองที่ “ดีไวน์คลินิกเวชกรรม” และได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.เขลางค์นครกว่า 30 รายนั้น หลายรายทำแล้วหน้าเบี้ยว จมูก-คางเน่า ฯลฯ
เช่น นายเต๋า อายุ 21 ปี เสริมจมูกเป็นจำนวนเงิน 5,500 บาท เมื่อเดือนสิงหาคม 60 แต่ปรากฏว่าจมูกอักเสบบวมและเป็นหนอง ต้องกลับไปให้คลินิกแก้ไขครั้งที่ 2 จนถึงวันนี้ จมูกก็ยังอักเสบแดงตรงปลายจมูก และมีหนองไหลออกมาจากรูจมูกด้วย
อีกรายเป็นสาวใหญ่วัย 50 ปี ได้เข้าใช้บริการ 3 รายการ คือ ขูดซิลิโคนออกจากคางสองครั้ง หน้าผากหนึ่งครั้ง ทำจมูกหนึ่งครั้ง ในรอบสองเดือน ขณะนี้ก็ยังต้องเข้าแก้ไขอย่างต่อเนื่อง โดยมีค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นที่ชำระไปแล้วรวม 80,000 บาท แต่ก็ยังแก้ไขไม่เสร็จ เมื่อคลินิกตกเป็นข่าวจึงเกิดความกลัว และไม่กล้ากลับไปให้ทางคลินิกแก้ไขต่ออีก จึงต้องมาร้องทุกข์เพื่อให้ทางคลินิกจ่ายเงินคืนพร้อมกับค่ารักษาที่จะต้องไปรักษาต่อที่อื่นจนกว่าจะหายเป็นปกติ
ส่วนผู้เสียหายเป็นหญิงสาว อายุประมาณ 20 ปีเศษ (ขอสงวนชื่อ) เข้าใช้บริการเสริมจมูกและตัดปีกจมูก ในราคากว่า 1 หมื่นบาท แต่หลังจากที่ทำไปแล้วพบว่าจมูกไม่เข้ารูปต้องเข้าไปทำการแก้ไขถึง 3 ครั้ง โดยแต่ละครั้งต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกครั้งละ 1,000-1,500 บาท แต่สุดท้ายทำเป็นครั้งที่ 3 จมูกก็ยังอักเสบมีหนองไหล บวม และพบว่าในรูจมูกมีซิลิโคนทะลุออกมาจากจมูกด้วย
ขณะที่อีกรายเป็นหญิงสาววัย 21 ปี ได้เดินทางเข้าร้องทุกข์ด้วยอาการริมฝีปากไม่ได้รูป หลังจากที่ไปใช้บริการผ่าตัดทำปากกระจับในราคาโปรโมชันเพียง 4,900 บาท แต่พบว่าหมอเย็บแผลในปากไม่เท่ากันริมฝีปากด้านขวาเป็นก้อนนูนออกมา ซึ่งหมอได้นัดไปทำการแก้ไขอีกครั้ง แต่เมื่อเห็นข่าวจึงไม่กล้าไปทำที่เดิมจึงต้องการให้ทางคลินิกเยียวยาคืนเงินพร้อมค่ารักษาที่จะไปแก้ไขในคลินิกอื่นต่อไป
ด้าน น.ส.ปภาดา มุ่งเมิน อายุ 24 ปี สาวชาว อ.วังเหนือ จ.ลำปาง ก็เป็นผู้เสียหายอีกรายจากการทำศัลยกรรมเสริมใบหน้าและคาง แต่สุดท้ายคางเน่าต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาลลำปาง และต้องหมดค่ารักษาพยาบาลด้วยตัวเอง
น.ส.ปภาดาเปิดเผยว่า เมื่อประมาณเดือนพฤษภาคม 60 ได้รับการชักชวนจากเพื่อนว่า คลินิกดังกล่าว ซึ่งเปิดใหม่และจัดโปรโมชันด้วยการให้ทำเมโสหน้าใสฟรี แต่ต้องมาด้วยกัน 10 คนขึ้นไป ตนอยากหน้าใส ซึ่งตนยังเรียนหนังสือชั้นปีที่ 2 ของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง และทำงานพิเศษเป็นพนักงานต้อนรับในร้านอาหารแห่งหนึ่งด้วย จึงสนใจและทดลองเข้าไปใช้บริการ
เริ่มจากการทำเมโสหน้าใสฟรี จากนั้นทางคลินิกได้เสนอโปรโมชันต่างๆ ในราคาพิเศษ เช่น ทำเมโสหน้าใส 4 เข็ม 1,000 บาท ดูดไขมันแก้ม 5,900 บาท ซึ่งตนก็สนใจ จึงตัดสินใจดูดไขมัน ฉีดลดเหนียง ฉีดลดคาง ฉีดผิวขาว เสริมคาง รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมดเกือบ 30,000 บาท โดยทยอยทำทีละอย่าง หลังจากเริ่มผ่าตัดดูดไขมันที่แก้ม ก็ตามด้วยผ่าตัดเสริมคางเมื่อประมาณปลายเดือนพฤษภาคม จากนั้นประมาณหนึ่งสัปดาห์ตนเห็นว่าคางไม่ได้รูปจึงกลับไปให้ทางคลินิกแก้ไข โดยต้องจ่ายเพิ่มอีก 1,500 บาท แต่จากนั้นหน้าเริ่มบวม จึงกลับไปให้คลินิกรักษา หมอได้ฉีดยาลดบวมที่แก้ม และที่สะโพก
แต่ผ่านไปไม่ถึงสัปดาห์แผลที่ผ่าตัดที่แก้ม-คางเริ่มปริ ปวด แดง และเริ่มเป็นสีม่วง ตนจึงตัดสินใจไปที่โรงพยาบาลลำปางในวันศุกร์ หมอดูอาการ และให้ยาไปรับประทานก่อน พร้อมนัดมาทำการรักษากับแพทย์เฉพาะทางในวันจันทร์ ปรากฏว่าวันอาทิตย์แผลเริ่มแตก ตนจึงรีบไปที่โรงพยาบาล หมอบอกว่าแผลติดเชื้ออักเสบ และได้ให้การรักษาพยาบาลประมาณหนึ่งสัปดาห์ เสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลไปทั้งหมด 18,460 บาท
“จากนั้นได้แจ้งให้ทางคลินิกทราบ โดยคลินิกได้รับผิดชอบโอนเงินมาให้เพียง 18,000 บาทเท่านั้น ส่วนต่างต้องชำระเอง ต่อมาตัดสินใจไปเอาซิลิโคนที่เสริมคางที่ไม่ได้รูปออกที่โรงพยาบาลลำปาง โดยเสียค่าใช้จ่ายเองอีก 5,000 บาท”
น.ส.ปภาดากล่าวอีกว่า เมื่อตนรักษาแผลหายแล้ว แต่ขณะนี้คางที่เสริม และเอาซิลิโคนออกยังเป็นไตแข็ง ซึ่งต้องรออีกระยะว่าจะสามารถรักษาให้เป็นปกติได้หรือไม่ ขณะที่ทางคลินิกได้ติดต่อมายังตนเพื่อทวงค่าใช้จ่ายที่ค้างอยู่อีกประมาณ 1 หมื่นบาท และให้กลับไปยกเลิกสัญญา แต่ตนไม่จ่าย และไม่กลับไปเซ็นยกเลิกสัญญาใดๆ อีกเพื่อต้องการให้เรื่องจบ
แต่ปรากฏว่าเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาทางคลินิกดีไวน์ สาขาเชียงใหม่ ได้นำรูปภาพของตน หลังรักษาตัวในโรงพยาบาลลำปาง ซึ่งทางแพทย์ได้ช่วยแก้ไขและรักษาจนใบหน้าดีขึ้นแล้วไปโพสต์ในไลน์ส่วนตัว นำไปใช้ในการโฆษณาคลินิกโดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้ตนต้องนำเอกสารหลักฐานเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อเจ้าของคลินิกดังกล่าว
แน่นอน..จนถึงขณะนี้เหยื่อศัลยกรรมสยอง “ดีไวน์คลินิกเวชกรรม” ยังคงทยอยเดินทางขึ้นโรงพักเพื่อแจ้งความร้องทุกข์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง