จันทบุรี - ตำรวจภูธรเมืองจันทบุรี ร่วมกับตำรวจอาสา เจ้าหน้าที่กู้ภัยจันทบุรี และชาวบ้านปิดล้อมคนร้าย หลังโจรกรรมรถจักรยานยนต์ของชาวบ้าน ก่อนวิ่งหนีเข้าป่ารกร้างกลางเมืองจันทบุรีนานกว่า 5 ชั่วโมง ล่าสุด ยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้ แต่ยังคงปิดล้อมอยู่
วันนี้ (8 พ.ย.) เวลา 09.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรเมืองจันทบุรี ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายก่อเหตุโจรกรรมไปเมื่อช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา และพบตัวคนร้ายที่ก่อเหตุทำงานทาสีอยู่ในแคมป์คนงานก่อสร้างในเขตเทศบาลเมืองจันทบุรี ตำบลตลาด อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาจับกุมตัวด้วย
หลังรับแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรเมืองจันทบุรี ได้รุดไปที่เกิดเหตุ เมื่อเดินทางไปถึงคนร้ายที่เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วิ่งข้ามถนนตรงข้ามแคมป์คนงานก่อสร้างหลบหนีเข้าไปในป่ารกร้าง โดยทิ้งรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงินดำ หมายเลขทะเบียน ขขธ 673 จันทบุรี ที่คนร้ายก่อเหตุโจรกกรมมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ยึดไว้เป็นหลักฐาน
ในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ ตำรวจอาสามาเสริม และเจ้าหน้าที่อาสาหน่วยกู้ภัยสมาคมสว่างกตัญญูธรรมสถานจันทบุรี และชาวบ้านได้ช่วยกันปิดล้อมบริเวณป่ารกร้าง และทำการเดินเท้าปูพรมค้นหา หลังเจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง ก็ยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้ เนื่องจากบริเวณป่ารกร้างเป็นพื้นที่กว้าง ต้องใช้กำลังเจ้าหน้าที่จำนวนมาก
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบรองเท้าแตะ 1 คู่ ถูกทิ้งอยู่ริมป่าข้างทาง คาดว่าน่าจะเป็นของคนร้ายจึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน ทั้งนี้ คาดว่าคนร้ายยังคงหลบซ่อนตัวอยู่ในป่ารกร้าง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตำรวจอาสา และเจ้าหน้าที่กู้ภัย รวมทั้งชาวบ้านก็ยังคงตรึงกำลังปิดล้อมบริเวณป่ารกร้างอยู่ ก่อนที่จะมีการประสานขอสุนัขตำรวจจาก ตชด.11 เข้ามาทำการค้นหา และคาดว่าน่าจะได้ตัวคนร้ายที่ก่อเหตุโจรกรรมรถจักรยานยนต์ของชาวบ้านในเร็ววันนี้ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจส่วนหนึ่งได้มีการลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดในพื้นที่ใกล้เคียง และตามเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายใช้หลบหนีมาเป็นเบาะแส หารูปประพรรณสัณฐานของคนร้าย เพื่อแจ้งไปยังสถานีตำรวจภูธรใกล้เคียงให้ช่วยติดตามจับกุมคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
และล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ภาพกล้องวงจรปิดคนร้ายเดินถอดเสื้อที่เข้าไปขอกินน้ำ และยืมโทรศัพท์จากพนักงานในบริษัทแห่งหนึ่งใกล้กับจุดเกิดเหตุ ซึ่งภาพวงจรปิดชิ้นนี้จะเป็นหลักฐานอย่างดีในการติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีได้อย่างแน่นอน