xs
xsm
sm
md
lg

ผบก.นครปฐม เผยเดินหน้าคลี่ปมคดี “น้องโฉ” ตลอด แต่ต้องรอหลักฐานหลายส่วน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นครปฐม - ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม นำทีมคลี่ปมมยิงน้องโฉ แจงแม่ต่อหน้าสื่อ บอกตำรวจเดินเครื่องเต็มมาตลอด แต่ติดต้องรอหลักฐานพยานหลายส่วน ตอนนี้สำนวนผ่านมืออัยการขึ้นศาลแล้ว ลั่นคดีนี้ตรงไปตรงมาไม่มีอุ้มมือยิงเป็นลูกตำรวจ พร้อมสั่งการพนักงานสอบสวน นำแม่ประสานสำนักงานยุติธรรมหาช่องฟ้องราชภัฏนครปฐมเอาผิดทางแพ่ง หลังทนายอาสาหายหน้า ทำสองตายายชาวนาน้อยใจสังคม

วันนี้ (3 พ.ย.) ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม พล.ต.ต.คำรณ บุญเลิศ รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม ได้เชิญ นางซ่อนกลิ่น ช่อฮะมงคล อายุ 57 ปี มารดาของนายณัฐวุฒิ สิงห์สร หรือ น้องโฉ นักศึกษาชั้นปีที่ 3 ภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎนครปฐม ซึ่งถูกนายอภิชาติ เสริมสิน หรือเทนนิส นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ภาควิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ใช้ปืนปากกายิงภายในห้องน้ำของมหาวิทยาลัยราชภัฎนครปฐม และไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม เหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ที่ผ่านมา

โดยมี ชุดคลี่คลายคดีประกอบด้วย พ.ต.อ.ปิยอนันต์ โตสกุลวงศ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม พ.ต.อ.อภิชาติ ศรีทองกุล ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม พ.ต.อ.พัฒน์พงศ์ คงแรง ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม ร.ต.ท.อธิวัฒน์ สุริยะฉาย พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เข้าร่วมชี้แจงกระบวนการรวบรวมหลักฐานในการส่งพนักงานอัยการจังหวัดนครปฐม

โดย พล.ต.ต.คำรณ บุญเลิศ ผู้ราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม เปิดเผยว่า หลังจากทราบข่าว ว่านางซ่อนกลิ่น มารดา ของน้องโฉ ได้วอนให้เร่งคดี โดยขอความหวังจาก ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จากอัมรินทร์ทีวี ตนเองนั้นเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งหลังจากเกิดเหตุได้ 2 เดือน จึงได้สั่งการตั้งแต่ช่วงเช้าสอบถามถึงทีมคลี่คลายคดี มาสอบถามถึงความคืบหน้าทั้งหมดและได้เชิญ นางซ่อนกลิ่นมานั่งรับฟังขั้นตอนกระบวนการในการดำเนินคดี เพื่อความเข้าใจและให้เห็นว่าตำรวจนั้นไม่ได้เพิ่กเฉยกับคดีที่ประชาชนให้ความสนใจเมื่อ 3 เดือนก่อน

รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม กล่าวว่า สำหรับในการติดตามคดีซึ่งประชาชนหรือทางมารดาของ น้องโฉ อาจจะมองว่าช้า นั้นซึ่งจริงๆ แล้วทางกฏหมาย กระบวนการดำเนินคดี พนักงานสอบสวน นั้นเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการที่จะรวบรวมประจักษ์พยานหลักฐาน เพื่อส่งให้พนักงานอัยการในการส่งฟ้องศาล และที่ดูจากสำนวนถือว่างานไม่ได้ช้ากว่าที่คิดเพราะอยู่ในกรอบเวลาซึ่งมีการรวบรวมทั้งพยานวัตถุ พยานบุคคล และพยานเอกสารต่าง ๆจนครบถ้วน ซึ่งหลายส่วนเราต้องรอจากหน่วยอื่ๆ ที่ส่งพิสูจน์ที่จะตอบกลับมาจนครบถ้วน

โดยพนักงานสอบสวน ได้รวบรบมพยานหลักฐานคดีมีพยานหลักฐานพอฟ้อง จึงเห็นสมควรสั่งฟ้อง ผู้ต้องหา เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2560 ส่งสำนวนให้อัยการจังหวัดนครปฐมฟ้องต่อศาลจังหวัดนครปฐมเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2560 ตามคดีหลายเลขดำที่ 3762/3560 ลงวันที่ 27 ตุลาคม 2560 ศาลนักตรวจพยานวันที่ 4 ธันวาคม 2560 แล้ว นอกจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการติดตามสอบถามและแจ้งสิทธิผู้เสียหาย ตาม พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหายฯ และทางคณะอนุกรรมการฯ พิจารณาจ่ายค่าตอบแทนผู้เสียหาย เป็นเงิน 110,000 บาท เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ที่ผ่าน ไปแล้วด้วย

“ขอให้ทางแม่ และประชาชนที่ให้ความสนใจกับข่าวนี้ว่าประเด็นมือยิงเป็นลูกของเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ว่าไม่ต้องเป็นห่วง เราจะดำเนินการตามพยานหลักฐานต่างๆ อย่างชัดเจนไม่มีคำว่าลูกตำรวจแน่นอน และตอนนี้ก็ไม่เห็นมีการกดดันมาจากภายในของตำรวจ พนักงานสอบสวนทำงานอย่างชัดเจนและชัดเจนมากคือโจรก็ต้องเป็นคู่ต่อกรกับตำรวจอยู่แล้ว” รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม ให้การยืนยันชัดเจน

ต่อมา ราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม ได้สั่งการ ให้ ร.ต.อ.อธิวัฒน์ สุริยะฉาย พนักงานสอบสวน นำนางซ่อนกลิ่น ไปที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดนครปฐม เพื่อสอบถามถึงเงินชดเชย ซึ่งทราบว่ามีการวินิจฉัยให้ได้รับเงินค่าชดเชยแล้ว คาดว่าเงินจะได้รับประมาณ เดือนธันวาคม

ทั้งนี้ นางซ่อนกลิ่น ยังได้สอบถามไปยัง นายภูริวัฒน์ จรัสรัตน์ตระการ นิติการฯ สำนักงานยุติธรรมจังหวัดนครปฐม กรณีที่มีทนายอาสาชื่อดังที่เคยได้เข้ามาอาสาเป็นตัวแทนในการฟ้องทางแพ่งเพื่อเอาความผิดกับ มารดาของเทนนิส มือยิง และมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ในฐานะที่เป็นผู้ดูแลน้องโฉ ขณะที่กำลังศึกษาและโดนยิงจน ซึ่งได้รับการชี้แจงว่าในส่วนของสำนักงานยุติธรรมจะมีการให้การช่วยเหลือ 2 กรณี คือ 1 เรื่องของสิทธิ ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา ตามพ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ.2544 และเพิ่มเติม(ฉบับที่ 2 ) พ.ศ.2559 ซึ่งตอนนี้ได้รับการพิจารณาไปเรียบร้อยแล้ว

และอีกส่วนที่ได้ให้นางซ่อนกลิ่นได้ เขียนคำร้องไว้คือกองทุนยุติธรรมเพื่อสนับสนุนหรือให้ค่าใช้จ่ายกองทุนยุติธรรม ในการช่วยเหลือประชาชนในการดำเนินคดี (ค่าทนายความ , ค่าธรรมเนียมศาล , ค่าตรวจพิสูจน์อักษร ) ซึ่งในกรณีนี้จะมาขอยื่นคำร้องได้อีกครั้งโดยนำคำวินิจฉัยของศาลในคดีอาญามาประกอบ ซึ่งในส่วนเบื้องต้นที่หากคดีอยู่ในการสืบพยานหลักฐานต่าง ๆ ที่อยู่ในชั้นอัยการก็จะมี มาตรา 41 ในการช่วยเหลืออยู่แล้วและเมื่อคดีขึ้นไปในชั้นศาลก็จะมีกระบวนการเข้ามาช่วยเหลือผู้เสียหายอีกด้วย

ส่วนในเรื่องของการฟ้องร้องมหาวิทยาลัยราชภัฎนครปฐม ทางด้านคดีแพ่งก็ต้องไปแจ้งความจำนงให้พนักงานอัยการได้ทราบเพิ่มเติมเพื่อจะได้ยื่นฟ้องไปในครั้งเดียวกันก็ได้ ซึ่งพนักงานอัยการก็จะดูว่าการฟ้องร้องนั้นเข้าข้อกฎหมายาตราใด ก็อยู่ที่ดุลยพินิจว่าจะส่งฟ้องในมาตรใดบ้าง ต่อไป

ด้านนางซ่อนกลิ่น ช่อฮะมงคล มารดาของ น้องโฉ บอกว่า วันนี้พูดไม่ค่อยออกก็ยังดีใจที่ตำรวจได้ชี้แจงส่วนการดำเนินคดีได้ชัดเจนและเพิ่งรู้จากปากตำรวจวันนี้ว่า จะมีการสเรียกขึ้นศาลวันที่ 4 ธันวาคม นี้ ส่วนที่จะต้องตัดสินใจปรึกษาสำนักงานยุติธรรม เนื่องจากเมื่อช่วงเกิดเหตุมีทนายความชื่อดังได้เข้ามาบอกว่า จะเข้ามาช่วยเรื่องการฟ้องร้องคดีทางแพ่งกับทางมารดาของน้องเทนนิส มือยิง และ มหาวิทยาลัยราชภัฎนครปฐม ในฐานที่เป็นสถานที่ที่ลูกชายไปศึกษาและถูกยิงก่อนจะมาเสียชีวิต แต่เมื่อไม่นาน นายเกรียงศักดิ์ ได้โทรกลับไปหา และสอบถามถึงความคืบหน้า แต่กลับถูกคำตอบใช้น้ำเสียงไม่ค่อยดีว่า ไม่ต้องมาสั่งเค้ารู้ดีว่าจะต้องทำอะไร แต่ตอนนี้ก็ได้หายไปเลยไม่เคยมีการขอเอกสารอะไรไปแม้แต่ใบเดียว จึงคิดว่าคงไม่ได้รับการช่วยเหลือแล้ว

โดยตอนนี้ จากคำยืนยันของอาจารย์ของมหาวิทยาลัยราชภัฎนครปฐม บอกว่า ไม่สามารถนำเงินชดเชยให้ ได้เพราะไม่เคยมีระเบียบบอกว่าสามารถทำได้ จึงคิดว่าเขาคงไม่ช่วยเราแน่ ๆ จึงจะขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขอฟ้องร้องทางแพ่ง เพราะที่ผ่านมาเงินที่ช่วยเหลือมันน้อยมากเกินไปและมีอาจารย์ที่สนิทกันมาคอยประสานเรื่องให้เท่านั้น

ส่วนคนอื่นตั้งแต่อธิการบดีก็เงียบหายไปหมด และต้องตัดสินใจฟ้องทางแพ่ง โดยตนเองเสียลูกชายไปก็ไม่มีหลักแล้ว อีกกี่ปีจะตายก็ไม่รู้และไม่รู้จะอยู่ยังไง บางมที่เห็นคนที่อยู่ทางใต้ ถูกโจรใต้ยิงตาย เค้ายังได้รับเงินชดเชยมาสักก้อน แต่นี่ได้เพียงเงินบริจาค มาแค่ 8 หมื่นกว่าบาท และเงินประกันอีก 1.2 แสน ซึ่งเอาไปจัดงานศพกับทำเจดีย์ให้น้องโฉก็หมดแล้ว ซึ่งเรื่องเงินก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ทั้งหมด

แต่เป็นเรื่องความรู้สึกว่า ตั้งแต่ลูกชายถูกยิง แม้แต่อาจารย์ที่ปรึกษาของลูกชายก็โทรมาหาไม่กี่ครั้งแล้วก็เงียบหายกันไปหมด ซึ่งตนเองคิดว่าเป็นเรื่องใจร้ายที่ต้องมาเจอกับครอบครัว มีอาจารย์บางคนบอกว่า ถ้ามีลูกหรือหลานให้มาเรียนที่นี่อีก ตนเองบอกว่า คงไม่กล้าแล้วและเข็ดแล้วกับสิ่งที่ลูกชายและครอบครัวของตัวเองที่กำลังเจออยู่ตอนนี้






กำลังโหลดความคิดเห็น