บุรีรัมย์ - นักเรียน อ.พุทไธสง บุรีรัมย์ กว่า 1,200 คนเดือดร้อนเปิดเทอมไม่มีห้องเรียน หลังน้ำท่วมวิศวกรตรวจสอบพบโครงสร้างอาคารเรียนเก่า 3 หลัง อายุ 36-45 ปี เสื่อมสภาพ เสาปูนแตกร้าว เหล็กสนิมกัดกร่อนเสี่ยงทรุดถล่ม พร้อมสั่งห้ามใช้ปิดกั้นเป็นเขตอันตราย วอน สพฐ.เร่งจัดงบสร้างอาคารเรียนทดแทน
วันนี้ (2 พ.ย.) นายนิมิต ปัทมเจริญ นายอำเภอพุทไธสง จ.บุรีรัมย์ พร้อมคณะผู้บริหาร ครูอาจารย์ โรงเรียนพุทไธสง อ.พุทไธสง ได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบอาคารเรียนแบบ 216 ก. ทั้ง 3 อาคาร สร้างเมื่อปี 2515, 2519 และปี 2526 หรือมีอายุเก่าแก่ตั้งแต่ 36-45 ปี ที่ถูกน้ำท่วมขังเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานานกว่า 2 สัปดาห์ หลังน้ำลดพบว่าเสาปูน โครงสร้างอาคารแตกร้าว เหล็กถูกสนิมกัดกร่อนเสื่อมสภาพ ทางโรงเรียนจึงได้ร้องขอให้ทีมวิศวกรจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 32 วิศวกรโยธาธิการและผังเมืองจังหวัด และทีมวิศวกรจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เข้าตรวจสอบ
ผลการตรวจสอบต่างลงความเห็นตรงกันว่ามีสภาพเสี่ยงอันตราย ควรงดใช้และให้รื้อถอนอาคารเรียน 2 ชั้นทั้ง 3 หลัง เนื่องจากโครงสร้างอาคารเรียนได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม ประกอบกับมีสภาพที่เก่า หรือหากทำการปรับปรุงต้องใช้งบประมาณสูงไม่คุ้มค่า
พร้อมกันนี้ทีมวิศวกรยังได้สั่งให้เลิกใช้อาคารเรียนทั้ง 3 หลังเพราะเสี่ยงต่อการทรุดถล่มของอาคาร ซึ่งอาจทำให้เป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของบุคลากรครู และนักเรียนในโรงเรียนได้ ซึ่งปัจจุบันโรงเรียนพุทไธสงมีห้องเรียนทั้งหมด 98 ห้อง หากทุบรื้อเลิกใช้ 3 อาคาร จะเหลือห้องเรียนไว้สำหรับจัดการเรียนการสอนเพียง 50 ห้องเท่านั้น ทำให้ไม่เพียงพอจัดการเรียนการสอน
จากผลกระทบดังกล่าวหลังเปิดเทอมเมื่อวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้นักเรียนมัธยมกว่า 1,200 คน จากทั้งหมดกว่า 2,800 คนได้รับความเดือดร้อนไม่มีห้องเรียนในการจัดการเรียนการสอนในภาคเรียนที่ 2 ทำให้ครู อาจารย์ นักเรียนในโรงเรียนต้องช่วยกันแก้ไขปัญหาโดยการเช่าเต็นท์จัดทำห้องเรียนชั่วคราว 20 หลัง สร้างเป็นห้องเรียนชั่วคราวโดยการกั้นห้องประชุมอเนกประสงค์ กั้นโรงเก็บของ โรงรถครูอาจารย์และบุคลากรในโรงเรียนใช้เป็นห้องเรียนชั่วคราว จนกว่าจะได้รับงบประมาณมาทุบรื้อและก่อสร้างอาคารเรียนหลังใหม่ตามที่ได้เสนอขอไปแบบ 324ล/55 จำนวน 2 หลัง
อย่างไรก็ตาม สภาพห้องเรียนชั่วคราวที่จัดทำขึ้นนั้นไม่สามารถที่จะกันลมหนาว แดด และฝนได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายของนักเรียน รวมถึงสภาพแวดล้อมในการเรียนการสอนไม่มีคุณภาพเท่าที่ควร
ทางอำเภอ ผู้บริหารโรงเรียน คณะครูอาจารย์ และนักเรียนที่ได้รับความเดือดร้อนจึงร้องขอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้พิจารณาเร่งจัดสรรงบประมาณมาทุบรื้อก่อสร้างอาคารเรียนหลังใหม่ให้กับโรงเรียนพุทไธสงทดแทนอาคารหลังเก่าที่เลิกใช้ เพื่อที่จะได้จัดการเรียนการสอนได้อย่างมีคุณภาพต่อไป เพราะขณะนี้ยังไม่ทราบว่าทางโรงเรียนจะได้งบประมาณมาก่อสร้างอาคารหลังใหม่ทดแทนอาคารเก่าเมื่อใด จึงวอนขอความช่วยเหลือดังกล่าวด้วย
ขณะที่ นายหัสวัฒน์ งอยไธสง และ น.ส.จิราวรรณ รอบคอบ นักเรียนที่ได้รับผลกระทบจากการงดใช้อาคารชำรุด กล่าวตรงกันว่า ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้ามาช่วยเหลือ หลังนักเรียนมากกว่า 1,200 คนเดือดร้อนขาดแคลนห้องเรียนที่เกิดจากอาคารเรียนที่ทรุดโทรมเสียหายจากน้ำท่วม พร้อมทั้งห้องเรียนชั่วคราวที่ทางครูนักเรียนช่วยกันจัดทำขึ้นนั้นไม่สามารถกันลม แดด ฝน และสภาพอากาศที่หนาวเย็นในช่วงนี้ได้ ทั้งจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายก่อให้เกิดการเจ็บป่วยได้ หรือสภาพแวดล้อมต่างๆ อาจส่งผลต่อการจัดเรียนการสอนไม่ได้คุณภาพเท่าที่ควร และห้องเรียนดังกล่าวไม่สามารถที่จะเก็บอุปกรณ์ สื่อการเรียนการสอน
จึงวอนขอให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและหน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งให้ความช่วยเหลือ พิจารณาจัดสรรงบประมาณมาสร้างอาคารเรียนใหม่ให้แก่โรงเรียนพุทไธสงที่กำลังเดือดร้อนขาดแคลนห้องเรียนไม่เพียงพอต่อการจัดเรียนจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีคุณภาพดังกล่าวด้วย
ด้าน นายประชัย พรสง่ากุล ผู้อำนวยการโรงเรียนพุทไธสง ระบุว่า หลังน้ำท่วมได้ขอให้ทีมวิศวกรเข้ามาตรวจสอบ พบว่าอาคารเก่าแก่แบบ 216 ก. ทั้ง 3 หลัง ปูนแตก เหล็กสนิมกัดผุกร่อน สภาพอาคารทรุดโทรม ทีมวิศวกรทั้ง 3 ทีมลงความเห็นตรงกันให้งดใช้อาคารทุบรื้อพร้อมปิดกั้นให้เป็นเขตอันตราย เปิดเทอมทำให้นักเรียนกว่า 1,200 คน เดือดร้อนไม่มีห้องเรียน ทางโรงเรียนจึงได้จัดโรงรถครูนักเรียนให้เป็นห้องเรียนชั่วคราว และไม่รู้ว่าจะได้รับการจัดสรรงบประมาณจากหน่วยงานที่รับผิดชอบเข้าช่วยเหลือก่อสร้างอาคารเรียนหลังใหม่เมื่อใด
“เบื้องต้นขอให้ต้นสังกัดได้จัดงบประมาณมาก่อสร้างอาคารเรียนสำรองแบบน็อกดาวน์จำนวน 12 หลัง เพื่อให้สามารถจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีคุณภาพไปก่อน จนกว่าที่จะได้รับการจัดสรรงบประมาณมาสร้างอาคารใหม่ดังกล่าวด้วย” นายประชัยกล่าว
ส่วน นายนิมิต ปัทมเจริญ นายอำเภอพุทไธสง ได้กล่าวภายหลังเข้าตรวจสอบอาคารทั้ง 3 หลังตามที่โรงเรียนรายงานไปให้ทราบในเบื้องต้นว่าอาคารทั้ง 3 หลังเป็นอาคารที่เก่าแก่หมดอายุการใช้งานแล้ว หลังถูกน้ำท่วมยิ่งส่งผลให้มีสภาพทรุดโทรมลงเสี่ยงต่อการทรุดถล่ม ซึ่งเป็นอันตรายแก่ครู บุคลากร และนักเรียนในโรงเรียนได้ เบื้องต้นได้ขอให้ทางโรงเรียนเร่งปิดกั้นประกาศให้เป็นเขตอันตรายห้ามเข้าแล้ว พร้อมจะนำข้อมูลดังกล่าวที่ตรวจสอบร่วมกับคณะผู้บริหารฯ รายงานผู้ว่าราชการจังหวัดทราบเพื่อพิจารณาช่วยเหลือแก้ไข
พร้อมกันนี้ยังขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือ สพฐ. ได้เร่งตรวจสอบพิจารณาจัดสรรงบประมาณเข้ามาช่วยเหลือในการก่อสร้างอาคารเรียนหลังใหม่แทนหลังเก่าที่ชำรุดใช้การไม่ได้ เพื่อที่ทางโรงเรียนจะได้จัดการเรียนการสอนได้อย่างมีคุณภาพต่อไปด้วย