ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - หนุนเกษตรกรอีสานหันพึ่งตนเอง ผลิต “แตนเบียนบราคอน” แมลงเพชฌฆาตกำจัดศัตรูพืชปราบหนอนหัวดำมะพร้าว ลดละเลิกใช้สารเคมี หลังระบาดหนักหลายพื้นที่ ศูนย์อารักขาพืชโคราชจัดหน่วยเคลื่อนที่เร็วลงแนะเกษตรกรผลิตแตนเบียนใช้เอง เผยทำง่ายต้นทุนต่ำ ประหยัดงบฯ แผ่นดิน เกษตรกรภูมิใจทำด้วยตัวเอง ชี้เป็นวิธีกำจัดหนอนหัวดำได้ผลดีที่สุด
วันนี้ (31 ต.ค.) ว่าที่ พันตรี ณรงค์ชัย ค่ายใส ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรด้านอารักขาพืช (ศทอ.) จังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรด้านอารักขาพืช จังหวัดนครราชสีมา เป็นหน่วยงานภายใต้สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 7 จังหวัดนครราชสีมา กรมส่งเสริมการเกษตร รับผิดชอบกำกับดูแลพืชในพื้นที่ 8 จังหวัดอีสานตอนล่าง ได้แก่ นครราชสีมา, ชัยภูมิ, บุรีรัมย์, ศรีสะเกษ, สุรินทร์, อุบลราชธานี, อำนาจเจริญ และยโสธร มีบทบาทหน้าที่ในการศึกษา ทดสอบ ประยุกต์และพัฒนาการใช้เทคโนโลยีการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสานให้เหมาะสมกับพื้นที่, ส่งเสริมและถ่ายทอดเทคโนโลยีการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสาน ดำเนินการผลิตขาย สนับสนุนปัจจัยควบคุมศัตรูพืช และให้บริการ สนับสนุนการตรวจวิเคราะห์ วินิจฉัยแจ้งเตือนภัยการระบาดและให้คำแนะนำการจัดการศัตรูพืช เป้าหมายคือให้เกษตรกร ลด ละ เลิกการใช้สารเคมีเพราะให้โทษอย่างมหันต์ และเป็นนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ขณะนี้ศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรฯ สามารถผลิตขยายศัตรูธรรมชาติของศัตรูพืชชนิดต่างๆ ได้ทั้งตัวห้ำ เช่น มวนพิฆาต แมลงหางหนีบ แมลงช้างปีกใส ด้วงเต่า มวนเพชฌฆาต แมลงหางหนีบ ตัวเบียน เช่น แตนเบียน Anagyrus lopezi แตนเบียน Trichogramma Spp. แตนเบียน บราคอน เชื้อจุลินทรีย์ ประกอบด้วย เชื้อราไตโคเดอร์มา ฮาร์เซียนัม เชื้อราบิวเวอร์เรีย บาสเซียนา เชื้อราเมตตาไรเซียม แอนนิโซฟลี สมุนไพรควบคุมศัตรูพืช เช่น สะเดา ตะไคร้หอม หางไหล หนอนตายหยาก รวมศัตรูธรรมชาติที่ศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรฯ เพาะได้หลายแสนตัว
ที่ผ่านมาศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรฯ ประสบปัญหาด้านงบประมาณในการผลิตแตนเบียนที่มีน้อยและมีห้องผลิตที่จำกัด จึงหาทางออกในการแก้ปัญหาโดยไม่เพิ่มภาระในการจัดหางบประมาณจากโครงการอื่น และไม่ต้องขยายห้องเพาะเลี้ยง จึงมีแนวคิดให้เกษตรกรสามารถผลิตแตนเบียนได้เองเพื่อควบคุมศัตรูพืชในพื้นที่โดยไม่ต้องลงทุนสูง แทนการรอแตนเบียนที่ผลิตจากศูนย์ส่งเสริมฯ เท่านั้น
ทีมงานพยายามทดลองและหาวิธีการที่ง่ายให้เกษตรกรสามารถทำได้เองในพื้นที่ แต่ต้องเกิดความรู้ความเข้าใจ และการมีส่วนร่วมระหว่างเจ้าหน้าที่กับเกษตรกรในพื้นที่ด้วย จึงนำเทคนิคที่ได้นี้ไปใช้จริงในพื้นที่ที่ประสบปัญหา
ปัจจุบันพบการระบาดของหนอนหัวดำมะพร้าวในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างหลายจังหวัด หากไม่รีบดำเนินการป้องกันกำจัดต้นมะพร้าวจะเกิดความเสียหายกระจายวงกว้างออกไปมากยิ่งขึ้น และหากปลูกใหม่ต้องใช้เวลา 3-4 ปีจึงจะเริ่มให้ผลผลิต ทางศูนย์ส่งเสริมฯ ได้จัดหน่วยเคลื่อนที่เร็วในการป้องกันกำจัดศัตรูพืชเข้าไปในพื้นที่เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจแก่เกษตรกรในพื้นที่ระบาด ให้ร่วมกันแก้ไขปัญหาแบบมีส่วนร่วม
โดยการให้ความรู้เกษตรกรผลิต “แตนเบียนบราคอน” กำจัดหนอนหัวดำมะพร้าวได้ด้วยตัวเอง ใช้เงินลงทุนไม่เกิน 100 บาทในการซื้ออุปกรณ์ส่วนพ่อแม่พันธุ์แตนเบียนบราคอน ทางศูนย์ส่งเสริมฯ ให้การสนับสนุนต้นทุนการผลิตแตนเบียนบราคอนสูงถึงตัวละ 1.50 บาท แต่หากใช้วิธีดังกล่าวสามารถลดเหลือตัวละ 0.10 บาทเท่านั้น ทั้งนี้วิธีนี้ยังสามารถนำไปใช้ในการเพาะแตนเบียนชนิดอื่นๆ ได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ลำดับแรกที่เกษตรกรสามารถทำได้ทันที คือการดูแลรักษาความสะอาดแปลง หมั่นสำรวจแปลงถ้าพบหนอนหัวดำมะพร้าวให้รีบตัดทางใบและเผาทำลายเพื่อตัดแหล่งอาศัยทันที จากนั้นให้ใช้ศัตรูธรรมชาติคือปล่อยแตนเบียนบราคอนเข้าไปควบคุมประชากรหนอนหัวดำไม่ให้แพร่ขยายพันธุ์เพิ่มขึ้น
สำหรับวิธีการผลิตแตนเบียนบราคอนทำง่าย โดยเริ่มจากเกษตรกรตัดทางมะพร้าวที่หนอนหัวดำมะพร้าวกำลังระบาดมาคัดเอาหนอนหัวดำ ตั้งแต่วัย 3 (หนอนโตเต็มวัย) ขึ้นไป ลำตัวยาว 1-1.2 เซนติเมตร (ซม.) ซึ่งเป็นวัยที่แตนเบียนบราคอนสามารถวางไข่ได้ ใส่ในกะละมังแล้วใช้ผ้าขาวบางคลุมปากกะละมังมัดผ้าขาวบางบนขอบกะละมังด้วยยางหรือเชือก
จากนั้นนำพ่อแม่พันธุ์แตนเบียนบราคอนที่ได้จากศูนย์ส่งเสริมฯ ใส่ลงไปในกะละมัง พร้อมน้ำผสมน้ำผึ้ง 5-10% ชุบสำลีก้อนขนาดหัวแม่มือเพื่อให้เป็นอาหารของแตนเบียน อัตราการปล่อยแตนเบียนบาคอน 3 คู่ต่อหนอนหัวดำ 25 ตัว นำกะละมังไปไว้ใต้ร่มไม้ จากนั้นปล่อยให้แตนเบียนผสมพันธุ์และวางไข่บนตัวหนอนหัวดำ ประมาณ 4-5 วัน ครบกำหนดเปิดกะละมังให้แตนเบียนออกไปทำการกำจัดหนอนหัวดำในธรรมชาติ
ส่วนหนอนหัวดำที่ถูกแตนเบียนวางไข่แล้วให้เลี้ยงต่อไปอีกจนกระทั่งครบ 10-14 วัน แตนเบียนจะฟักออกเป็นตัวเต็มวัย ให้เปิดผ้าขาวบางปล่อยแตนเบียนออกสู่ธรรมชาติเพื่อไปกำจัดหนอนหัวดำต่อไป โดยสามารถเพิ่มปริมาณแตนเบียนได้อีก 4-10 เท่าของแตนเบียนพ่อแม่พันธุ์ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของหนอนหัวดำ วิธีดังกล่าวนี้สามารถแก้ปัญหาและป้องกันกำจัดหนอนหัวดำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุนในการผลิตแตนเบียน