ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - โวยโดนเบี้ยว! เครือข่ายประชาชนเชียงใหม่บุกศาลากลางยื่นหนังสือทวงสัญญาสุภาพบุรุษจากทางหลวง กรณีโครงการขยายถนนซูเปอร์ไฮเวย์ช่วงแยกข่วงสิงห์-แยกรินคำ ที่ถูกรุมค้านการขุดวางท่อและถมลำน้ำที่ไหลมาจากห้วยแก้วและห้วยช่างเคี่ยน จนนำไปสู่การทำข้อตกลงร่วมกันว่าจะปรับแบบให้เหมาะสมด้วยการปล่อยเป็นลำน้ำเปิด 400 เมตร จาก 700 เมตร ที่ยังมีน้ำไหล แต่ล่าสุดกลับพบการก่อสร้างไม่เป็นไปตามที่คุยกัน เบื้องต้นเรียกร้องให้ชะลอการก่อสร้างและทำตามข้อตกลง หากยังดื้อเตรียมร้อง คสช.ตรวจสอบ
วันนี้ (31 ต.ค. 60) ที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ กลุ่มชาวบ้านจากชุมชนต่างๆ ในเขตเทศบาลตำบลช้างเผือก และเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ โดยเฉพาะชุมชนเจ็ดยอด, ชุมชนข่วงสิงห์, ชุมชนทานตะวัน และชุมชนหลิ่งกอก พร้อมทั้งตัวแทนภาคประชาชน ภาคประชาสังคม และนักวิชาการ ในนามศูนย์ประสานงานเครือข่ายภาคประชาชน/ภาคประชาสังคม นำโดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ อนุชาติ ธนัญชัย ผู้แทนเครือข่ายนักวิชาการ และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วสันต์ จอมภักดี ผู้แทนด้านวิศวกรรมเพื่อสังคม เข้ายื่นหนังสือถึงอธิบดีกรมทางหลวง, ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่, ผู้ตรวจการแผ่นดิน และอีกหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อเรียกร้องให้แก้ไข ชะลอหรือยุติการก่อสร้างการขุดวางท่อและถมลำน้ำจากห้วยแก้วและห้วยช่างเคี่ยนที่ไหลเลียบถนนซูเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่-ลำปาง ตามกิจกรรมยกระดับมาตรฐานและเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวง ทางหลวงหมายเลข 11 ตอนไชยสถาน-เชียงใหม่ ระหว่าง กม.561+000 - กม.562+651 (แยกข่วงสิงห์-แยกรินคำฝั่งซ้ายทาง)
หลังพบว่ามีการดำเนินการก่อสร้างผิดไปจากข้อตกลงที่ทำร่วมกันไว้ โดยมีนายชูชีพ พงษ์ไชย หัวหน้าสำนักงานจังหวัดเชียงใหม่ เป็นผู้แทนรับหนังสือดังกล่าว
ทั้งนี้ การก่อสร้างตามกิจกรรมยกระดับมาตรฐานและเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวง ทางหลวงหมายเลข 11 ตอนไชยสถาน-เชียงใหม่ ระหว่าง กม.561+000-กม.562+651 (แยกข่วงสิงห์-แยกรินคำฝั่งซ้ายทาง) นั้น ก่อนหน้านี้ถูกคัดค้านจากเครือข่ายภาคประชาชนชาวเชียงใหม่ที่ไม่ต้องการให้มีการขุดวางท่อและถมลำน้ำเนื่องจากหวั่นเกรงว่าจะก่อให้เกิดปัญหาการระบายน้ำ ทั้งน้ำท่วมและน้ำเน่าเสียในระยะยาว จนกระทั่งต่อมาแขวงทางหลวงเชียงใหม่ที่ 2 ที่รับผิดชอบโครงการมีการหารือร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชนและนักวิชาการ
จนได้ข้อตกลงร่วมกันที่สำนักงานทางหลวงที่ 1 (เชียงใหม่) เมื่อวันที่ 5 ก.ค. 60 ว่า การก่อสร้างจะมีการกำหนดพื้นที่ให้เป็นระบบรางเปิด 3 จุด ได้แก่ บริเวณหน้าสำนักงานเหมืองแร่ ระยะทางประมาณ 200 เมตร, บริเวณหน้าโชว์รูมโตโยต้าริช ระยะทางประมาณ 150 เมตร และบริเวณที่ว่างข้างคอนโดฯ Trams ระยะทางประมาณ 30 เมตร โดยที่รูปแบบการก่อสร้างไม่กระทบการออกแบบถนนที่กำหนดไว้ อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่าการก่อสร้างจนถึงปัจจุบันกลับไม่ได้ดำเนินการตามข้อตกลงที่มีร่วมกันไว้ จึงนำมาสู่การเข้ายื่นหนังสือในครั้งนี้
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ อนุชาติ ธนัญชัย ผู้แทนเครือข่ายนักวิชาการ เปิดเผยว่า การเข้ายื่นหนังสือในครั้งนี้ของตัวแทนชุมชน พร้อมทั้งภาคประชาชน ภาคประชาสังคม และนักวิชาการ เพื่อทวงสัญญาสุภาพบุรุษจากแขวงทางหลวงเชียงใหม่ที่ 2 ที่เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินโครงการนี้ ซึ่งได้ทำข้อตกลงร่วมกันไว้กับภาคประชาชน แต่ปรากฏว่ากลับไม่ได้ดำเนินการตามนั้น
เบื้องต้นต้องการเรียกร้องชะลอหรือยุติการก่อสร้างดังกล่าว แล้วแก้ไขปรับปรุงดำเนินการก่อสร้างให้ถูกต้องตรงตามแบบที่ตกลงกันไว้ ทั้งนี้ หากการยื่นหนังสือเรียกร้องในครั้งนี้ยังไม่ได้รับการตอบสนอง จากนี้จะดำเนินการยื่นหนังสือต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและ คสช.เพื่อให้พิจารณาดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ เน้นย้ำว่าการดำเนินการโครงการใดๆ ของราชการมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรับฟังความคิดเห็นและความต้องการของประชาชนในพื้นที่และท้องถิ่นเป็นหลัก รวมทั้งต้องอิงหลักฐานทางประวัติศาสตร์ด้วย ไม่เช่นนั้นแล้วอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายตามมามากกว่าผลดี ซึ่งภาคประชาชนมีความห่วงใยและไม่ต้องการให้เกิดขึ้นซ้ำรอยหลายโครงการในอดีตที่เคยเกิดขึ้นให้เห็นมาแล้ว
