ศรีสะเกษ - “ผู้กองเหน่ง” ผู้ต้องหาอุ้มฆ่า “ผอ.อ้อย” คอตกถูกหิ้วปีกเข้านอนเรือนจำกันทรลักษ์คืนแรก หลังศาลมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว เหตุเป็นคดีอุกฉกรรจ์ มีอัตราโทษร้ายแรง และเกรงจะหลบหนี พ่อประกาศยังไม่เผาศพ “ผอ.อ้อย” จนกว่าคดีสิ้นสุด
วันนี้ (31 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 19.20 น.คืนที่ผ่านมา (30 ต.ค.) ที่ศาลจังหวัดกันทรลักษ์ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ พนักงานสอบสวน สภ.กันทรลักษ์ ได้ยื่นคำร้องขอฝากขัง ร.อ.ศุภชัย ภาโส หรือผู้กองเหน่ง นายทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ผู้ต้องหาเกี่ยวกับคดีการหายตัวไปอย่างมีเงื่อนงำของ น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน หรือ ผอ.อ้อย อายุ 37 ปี ผอ.กองการศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม อบต.ชำ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งได้ยื่นคำร้องขอฝากขังครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา ในความผิดเกี่ยวกับปลอมแปลงเอกสาร และใช้เอกสารปลอม พ.ร.บ.ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งศาลจังหวัดกันทรลักษ์ได้มีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขังและอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างสอบสวน โดยกำหนดวงเงินประกัน 600,000 บาท
โดยวันนี้พนักงานสอบสวน สภ.กันทรลักษ์ ได้ขอฝากขังและแจ้งข้อหาเพิ่มเติมต่อ ร.อ.ศุภชัย หรือผู้กองเหน่ง ผู้ต้องหา โดยกล่าวหาว่าฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ลอบฝังซ่อนเร้นย้ายทำลายศพ หรือส่วนของศพ เพื่อปิดบังความตายหรือพฤติการณ์แห่งการตาย และหน่วงเหนี่ยวกักขังหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 199, 310 วรรค 2 ตามลำดับ พร้อมทั้งยื่นคำร้องคัดค้านการอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว
ศาลจังหวัดกันทรลักษ์พิจารณาแล้วเห็นว่า เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์และเกรงว่าจะหลบหนี ศาลจึงมีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขังเพิ่มเติมในข้อหาดังกล่าว และมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาเนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ และมีอัตราโทษร้ายแรง เกรงว่าจะหลบหนี
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่เรือนจำอำเภอกันทรลักษ์ ได้ควบคุมตัว ร.อ.ศุภชัย ภาโส ไปขึ้นรถผู้ต้องขังของเรือนจำอำเภอกันทรลักษ์ เพื่อนำตัวผู้กองเหน่งไปคุมขังไว้ โดยผู้กองเหน่งสวมเสื้อยืดลายพรางของทหาร มีเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำศาลจังหวัดกันทรลักษ์เดินหิ้วปีกไปขึ้นรถของเรือนจำอำเภอกันทรลักษ์ และมีญาติพี่น้องของ ผอ.อ้อย มาร่วมรับฟังการพิจารณาของศาลจังหวัดกันทรลักษ์ในครั้งนี้ด้วย
นายบุญเลิศ อุ่นอ่อน อายุ 62 ปี พ่อของ ผอ.อ้อย กล่าวว่า รู้สึกภูมิใจดีใจที่ได้รับความยุติธรรมในครั้งนี้ สมกับความยากลำบากและเหน็ดเหนื่อยของตนและครอบครัว ญาติพี่น้องทุกคน ที่พากันออกเดินลุยป่าเพื่อค้นหาร่างของ ผอ.อ้อย ลูกสาวสุดที่รักของตน จนกระทั่งพบศพของ ผอ.อ้อย ถูกทิ้งอยู่ในป่าทางขึ้นเนิน 500 อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี อย่างน่าเวทนา ตนขอประกาศตรงนี้ว่าจะยังไม่เผาศพ ผอ.อ้อย เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นการทำลายพยานหลักฐานที่มีอยู่ จากนั้นจะนำศพ ผอ.อ้อยมาเก็บไว้ เมื่อคดีนี้ถึงที่สุดแล้ว และผู้กองเหน่งได้รับโทษตามกฎหมายที่บัญญัติไว้สูงสุดจึงจะประกอบพิธีฌาปนกิจศพ ผอ.อ้อย ต่อไป