บุรีรัมย์ - เกษตรกร อ.แคนดง จ.บุรีรัมย์ ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำมูลเอ่อท่วมนาข้าวหลายพันไร่ เร่งนำผลผลิตที่เก็บเกี่ยวหนีน้ำ ตากตามริมถนนเพื่อลดความชื้นก่อนนำไปขายหวั่นถูกกดราคาซ้ำเติม ขณะเมล็ดข้าวบางส่วนเริ่มเสียหาย วอนภาครัฐสำรวจช่วยเหลือ
วันนี้ (29 ต.ค.) เกษตรกรหลายหมู่บ้านในอำเภอแคนดง จังหวัดบุรีรัมย์ ที่ได้รับผลกระจากน้ำมูลเอ่อล้นเข้าท่วมนาข้าวที่กำลังออกรวงใกล้เก็บเกี่ยวจำนวนหลายพันไร่ เร่งน้ำเมล็ดข้าวเปลือกที่เก็บเกี่ยวหนีน้ำไปตากตามริมถนนในหมู่บ้าน บริเวณลานหรือที่โล่งต่างๆ เพื่อลดความชื้นก่อนจะนำไปขายให้แก่โรงสี เพราะหากนำข้าวเปียกหรือมีความชื้นสูงไปขายก็จะถูกโรงสีข้าวกดราคาทำให้ได้ราคาต่ำ และหากเกษตรกรเร่งนำข้าวที่ตากแห้งแล้วไปขายในช่วงนี้ซึ่งเป็นช่วงตั้งแต่ต้นฤดูจะได้ราคาสูงตันละ 10,000-13,000 บาท แต่หากนำข้าวสดที่ไม่ผ่านการตากไปขายก็จะได้ตันละไม่เกิน 8,000-9,000 บาทเท่านั้น และบางโรงสีไม่รับซื้อข้าวสดเปียกชื้น
อย่างไรก็ตาม มีเกษตรกรหลายรายที่เก็บเกี่ยวข้าวหนีน้ำไม่ทันทำให้ต้นข้าวจมน้ำเสียหาย จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐเร่งเข้ามาสำรวจช่วยเหลือด้วย เพราะนอกจากขาดทุนแล้วยังไม่มีเงินที่จะไปใช้หนี้ ธ.ก.ส.ที่กู้ยืมมาลงทุนทำนาอีกด้วย
น.ส.ทองสา ยอนรัมย์ อายุ 40 ปี เกษตรกรบ้านยางทะเล หมู่ 2 ต.แคนดง อ.แคนดง บอกว่า ปีนี้ทำนาทั้งหมด 22 ไร่ ขณะนี้จมน้ำเสียหายไปแล้ว 10 ไร่ ส่วนที่เก็บเกี่ยวหนีน้ำได้ทันก็รีบนำมาตากแดดไว้ตามลาน และถนนในหมู่บ้านเพื่อลดความชื้นก่อนนำไปขาย เพราะเกรงหากนำข้าวสดไปขายจะถูกกดราคา แต่ไม่รู้ว่าข้าวที่เหลือจะขายได้คุ้มทุนหรือไม่
จากกรณีดังกล่าวจึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาล หรือหน่วยงานเกี่ยวข้องเข้ามาสำรวจช่วยเหลือเกษตรกรด้วย ทั้งเรื่องเงินชดเชยช่วยเหลือข้าวที่เสียหายจากน้ำท่วม และดูแลช่วยเหลือพยุงราคาข้าวในท้องตลาด ไม่ให้ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 14-15 บาท จึงจะคุ้มทุนและสามารถอยู่รอดได้