ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - “กิตติศักดิ์” มือร้องตรวจสอบเจ้าอาวาสวัดสวนดอก จังหวัดเชียงใหม่ สวมบัตรประจำตัวประชาชนคนตาย เผยสุดเซ็งตำรวจแม่อายยังไม่ออกหมายเรียก “พระราชรัชมุนี” รับทราบข้อกล่าวหา อ้างอยู่ระหว่างรอหลักฐานใบมรณบัตรคนถูกสวมบัตรจากจังหวัดชัยภูมิ ขีดเส้น 2 วันหากยังไร้ความคืบหน้าเตรียมบุกสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อติดตามเร่งรัดคดี ชี้เป็นเรื่องความมั่นคงประเทศชาตินิ่งเฉยไม่ได้
ความคืบหน้ากรณีที่พระราชรัชมุนี เจ้าอาวาสวัดสวนดอก และเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ ถูกกล่าวหาว่าสวมบัตรประจำตัวประชาชนคนตาย วันนี้ (23 ต.ค.) ที่จังหวัดเชียงใหม่ นายกิตติศักดิ์ แสนทวีสุข ผู้ที่เริ่มต้นออกมาเคลื่อนไหวร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีการตรวจสอบกรณีดังกล่าว เปิดเผยว่า ล่าสุดได้เดินทางไปที่สถานีตำรวจภูธรแม่อาย อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อติดตามความคืบหน้าและเร่งรัดคดีที่พระราชรัชมุนี ถูกกล่าวหาว่าสวมบัตรประจำตัวประชาชนของเด็กชายดวงดี เวียงดินดำ ชาวจังหวัดชัยภูมิ เพราะเห็นว่าคดีไม่มีความคืบหน้าและชัดเจนเท่าที่ควร ทั้งที่คดีนี้เป็นที่จับตามองของประชาชนอย่างมาก
ในโอกาสนี้ตนได้เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมต่อพนักงานสอบสวนด้วย และสอบถามความคืบหน้าคดี ซึ่งได้รับคำตอบว่าจนถึงเวลานี้ยังไม่มีการอออกหมายเรียกพระราชรัชมุนีเพราะยังต้องสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม และอยู่ระหว่างการรอหลักฐานทะเบียนบ้าน รวมทั้งใบมรณบัตรของเด็กชายดวงดี เวียงดินดำ จากจังหวัดชัยภูมิ
นายกิตติศักดิ์ระบุว่า จากการที่ตำรวจยังไม่มีการออกหมายเรียกพระราชรัชมุนีเพื่อมารับทราบข้อกล่าวหา โดยส่วนตัวรู้สึกว่าความคืบหน้าของคดีนี้มีความล่าช้ามาก เพราะคดีนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการสวมบัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศชาติ ไม่สามารถนิ่งนอนใจได้
ขณะที่การกล่าวอ้างว่าอยู่ระหว่างการรอหลักฐานทะเบียนบ้าน และใบมรณบัตรของเด็กชายดวงดี เวียงดินดำ จากจังหวัดชัยภูมิ ยิ่งดูไม่สมเหตุสมผล เนื่องจากปัจจุบันเป็นระบบออนไลน์หมดแล้ว และเอกสารหลักฐานต่างๆ ได้มีการยื่นไปให้ทางเจ้าหน้าที่ไปก่อนหน้านี้แล้วด้วย
ส่วนใบมรณบัตรนั้น เนื่องจากตอนที่เด็กชายดวงดีเสียชีวิต ทางครอบครัวไม่ได้ไปแจ้งตายไว้ และเพิ่งมาแจ้งในภายหลัง จึงยังไม่มีใบมรณบัตร แต่น่าจะเป็นหลักฐานที่ยืนยันได้อย่างดีว่าเด็กชายดวงดีเสียชีวิตไปแล้วจริง และไม่น่าจะเป็นข้ออ้างในการที่ยังไม่มีการออกหมายเรียก
“จากนี้จะรอดูสถานการณ์อีก 2 วัน หากยังไม่มีการออกหมายเรียกพระราชรัชมุนี ผมจะเดินทางไปยื่นคำร้องและเร่งรัดคดีนี้ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติต่อไป”