เลย/ร้อยเอ็ด - ผู้ว่าฯเลยสั่งอพยพชาวบ้าน 2 หมู่บ้านกว่า 200 หลังคาเรือนหนีน้ำท่วม หลังมวลน้ำจำนวนมากกำลังไหลลงจากภูเขา คาดท่วมภายในเย็นนี้ ด้านสถานการณ์น้ำท่วมที่ อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด ยังได้รับผลกระทบจากเขื่อนใหญ่ระบายน้ำ ขอกำลังทหารวางกระสอบทรายกั้นพนังน้ำชีท่วมหมู่บ้าน
วันนี้ (8 ต.ค.) ที่ อ.ภูหลวง จ.เลย นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ได้รับรายงานว่ามีมวลน้ำป่าจากภูเขาต้นแม่น้ำเลยที่สะสมจำนวนมากหลังมีฝนตกมาหลายวันได้ไหลลงจากภูเขา ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ และท่วมถนนบางสายจนรถเล็กไม่สามารถผ่านได้ จึงสั่งเจ้าหน้าที่ อส., หน่วยกู้ภัย, มูลนิธิสว่างคีรีธรรมจังหวัดเลย ช่วยอพยพชาวบ้านใน 2 หมู่บ้านย้ายไปในพื้นที่ปลอดภัยแล้ว
นายชัยวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เปิดเผยว่า แม่น้ำเลยเขตอำเภอภูหลวงได้เพิ่มขึ้นทุกนาที คาดว่ามวลน้ำที่ไหลลงจากภูเขาต้องไหลท่วมหมู่บ้านตาวตาด และหมู่บ้านโนนพัฒนา หมู่ 2 และหมู่ 7 ตำบลเลยวังไสย์ จึงสั่งอพยพประชาชนทั้ง 2 หมู่บ้านออกจากพื้นที่ไว้ก่อน
โดยเฉพาะบ้านเรือนที่ติดอยู่ริมน้ำ ซึ่งชาวบ้านทั้ง 2 หมู่บ้านกว่า 200 หลังคาเรือน โดยให้ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน และสถานีวิทยุท้องถิ่นประกาศให้ชาวบ้านอพยพด่วน คาดว่ามวลน้ำน่าจะมาถึงก่อนค่ำของวันนี้
ส่วนทางหลวงแผ่นดินเส้นทางภูหลวง-หล่มเก่ารถเล็กไม่สามารถผ่านไปได้ บริเวณบ้านน้ำคู่ และบ้านวังส่วนผู้ที่จะใช้เส้นทาง อ.ภูหลวง-ต.กกสะทอน อ.หล่มเก่า ควรใช้ความระมัดระวังในการขับขี่ เพราะมวลน้ำป่ากำลังไหลมาจากภูเขาและผ่านเส้นทางนี้ และเส้นทางตำบลแก่งศรีภูมิ บ้านหนองขอนแก่น น้ำได้ท่วมเส้นทางแล้ว ชาวบ้านถูกตัดขาดไม่สามารถสัญจรเข้าตัวอำเภอได้ ขณะเดียวกัน จังหวัดเลยได้แจ้งเตือนให้ชาวบ้านที่อยู่ติดแม่น้ำเลยขนของไว้ที่สูงแล้ว
ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.ร้อยเอ็ด นายประยงค์ สัตย์ธรรม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 บ้านดินแดง ต.ม่วงลาด อ.จังหาร จ.ร้อยเอ็ด นำชาวบ้านผนึกกำลังทหารจากค่าย พล.ร.6 ช่วยกันนำกระสอบบรรจุทรายกั้นเสริมพนังกั้นน้ำที่เริ่มล้นเข้าสู่หมู่บ้าน ซึ่งน้ำที่ล้นพนังกั้นน้ำจากลำน้ำชีที่ล้อมรอบหมู่บ้านเริ่มมีระดับน้ำสูงขึ้นอีกระลอกจนท่วมหมู่บ้าน และบ้านเรือนประชาชนจำนวนมาก
นายประยงค์กล่าวว่า น้ำรอบใหม่จากการระบายจากเขื่อนน้ำพองและเขื่อนลำปาวลงน้ำชีรอบนี้หนักกว่าเดิม เพราะรอบที่แล้วเข้าท่วมไม่กี่หลังคาเรือน แต่ครั้งนี้น้ำชีขึ้นหนักกว่าเดิมมาเป็นเวลา 3 วันแล้ว ล่าสุดบ้านเรือนทั้งหมู่บ้าน 142 หลังคาเรือนมีบ้านเรือนอยู่ในจุดล่อแหลมถูกน้ำท่วมแล้วประมาณ 40 หลังคาเรือน ต้องขอกำลังเจ้าหน้าที่มาช่วยเสริมคันพนัง ยังไม่มั่นใจว่าจะกั้นอยู่หากยังมีการปล่อยน้ำลงมาอย่างต่อเนื่องต่อไปอีก