อุทัยธานี - รองผู้ว่าฯ จังหวัดอุทัยธานี ลงพื้นที่ตรวจสถานการณ์น้ำในแม่น้ำสะแกกรัง หลังระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเหลือเพียงอีก 1 เมตร จะเข้าสู่จุดวิกฤต พร้อมสั่งการให้ชลประทานรักษาการระบายน้ำจากเขื่อนวังร่มเกล้า และสั่งปิดประตูรับน้ำจากเจ้าพระยา
วันนี้ (6 ต.ค.) ที่จังหวัดอุทัยธานี นายไมตรี ไตรติลานันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วย น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ นายกเทศมนตรีเมืองอุทัยธานี พ.อ.พรชัย นพรัตน์ รองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดอุทัยธานี ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำในแม่น้ำสะแกกรัง ที่บริเวณสะพานข้ามวัดอุโบสถาราม หรือวัดโบสถ์ และบริเวณลานสะแกกรัง เขตเทศบาลเมืองอุทัยธานี
ทั้งนี้ เพื่อเร่งหามาตรการป้องกันการเกิดอุทกภัยในย่านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในเขตเทศบาลเมืองอุทัยธานี หลังเกิดฝนตกหนักและปริมาณน้ำสะสม รวมทั้งมีการระบายน้ำจากเขื่อนวังร่มเกล้าลงสู่แม่น้ำสะแกกรังอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับมีปริมาณน้ำหนุนจากแม่น้ำเจ้าพระยาสมทบเพิ่มขึ้นอีก เหลือระดับน้ำอีกเพียง 1 เมตร จะถึงระดับวิกฤต ซึ่งจะเข้าท่วมในพื้นที่ลุ่มต่ำก่อนเป็นอันดับแรก
นายไมตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี กล่าวว่า จากปัญหาดังกล่าวได้เรียกชลประทานจังหวัดอุทัยธานี เพื่อเร่งหามาตรการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเพื่อลดการเพิ่มของระดับน้ำในแม่น้ำสะแกกรัง และได้สั่งการให้ชลประทานรักษาการระบายน้ำลงสู่ท้ายเขื่อนวังร่มเกล้าไม่ให้เกิน 200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และสั่งการให้ปิดประตูระบายน้ำที่รับน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเข้าสู่แม่น้ำสะแกกรัง 2 แห่ง ประกอบด้วย ประตูระบายน้ำเสด็จประพาสต้น และประตูระบายน้ำคลองขุมทรัพย์ ตำบลเกาะเทโพ อำเภอเมือง ซึ่งจะสามารถรักษาระดับน้ำไม่ให้สูงขึ้นจนถึงจุดวิกฤต และหากฝนไม่ตกหนักลงมาซ้ำคาดว่าอีก 4-5 วันจะเข้าสู่ภาวะปกติ
อย่างไรก็ตาม ได้ขอแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงและใกล้ทางไหลผ่านของน้ำเฝ้าติดตามการพยากรณ์และคำแจ้งเตือนจากทางราชการอย่างใกล้ชิดพร้อมที่จะอพยพสิ่งของเครื่องใช้ขึ้นไว้ที่สูงและปลอดภัย และได้เตรียมความพร้อมในการเข้าช่วยเหลือตลอด 24 ชม.หากเกิดปัญหาอุทกภัย จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว
ส่วนประชาชนโดยเฉพาะชาวชุมชนเรือนแพที่มีแพเป็นที่อยู่อาศัยริมแม่น้ำสะแกกรังกว่า 300 ครัวเรือน ระดับน้ำที่สูงขึ้น ทำให้ต้องชักลากแพ และกระชังปลาเข้าฝั่ง พร้อมผูกยึดเรือนแพและกระชังให้แน่นหนา ป้องกันกระแสน้ำที่เชี่ยวแรงพัดพาเรือนแพและกระชังปลาได้รับความเสียหาย
ด้านนายฐกร กาญจน์จิรเดช ผู้อำนวยการโครงการชลประทานอุทัยธานี กล่าวว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดสรรน้ำ เพิ่มการระบายน้ำลงสู่ท้ายเขื่อนโดยวันนี้ได้ทำการยกประตูระบายน้ำทั้ง 3 บาน ระบายน้ำจำนวน 190.72 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งถือเป็นการระบายน้ำครั้งที่ 5 และมากกว่าทุกครั้งตั้งแต่ช่วงฤดูฝนเป็นต้นมา
ทั้งนี้ ได้จัดเจ้าหน้าที่ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำตามลำน้ำสาขาต่างๆ ทางด้านเหนือเขื่อนอย่างใกล้ชิด และเฝ้าติดตามตามสถานการณ์ฝนตกหนักตลอด 24 ชม. หากมีมวลน้ำเพิ่มสูงขึ้นก็จะมีการระบายน้ำเพิ่มขึ้นอีกทันที เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอุทกภัยทั้งด้านเหนือเขื่อนและท้ายเขื่อน นอกจากนี้ยังแจ้งไปยังผู้นำชุมชนโดยเฉพาะพื้นที่ท้ายเขื่อนในเขตพื้นที่อำเภอเมือง ให้เฝ้าติดตามประกาศเตือนจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และมีความพร้อมที่จะรับมือสถานการณ์อุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้นได้ต่อไป และขอให้ประชาชนในพื้นที่ทางน้ำไหลผ่านเตรียมพร้อมอพยพสิ่งของขึ้นอยู่ในที่สูงและปลอดภัย