ศูนย์ข่าวศรีราชา - หญิงวัย 50 ปี ซิ่งกระบะพุ่งข้ามเกาะกลางถนนบายพาสเลี่ยงเมืองชลบุรี ฝั่งขาเข้าพัทยา พุ่งชนประสานงารถตู้รับส่งพนักงาน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย เจ็บสาหัส 4 และบาดเจ็บเล็กน้อยอีก 5 ราย คาดสาเหตุน่าจะเกิดจากกระบะที่วิ่งเปลี่ยนเลนกะทันหันจนรถเสียหลัก โดย จนท.จะเร่งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด ก่อนดำเนินคดีตามกฎหมาย
เมื่อเวลา 07.30 น.วันนี้ (5 ต.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรเมืองชลบุรี ได้รับแจ้งว่า เกิดอุบัติเหตุรถชนกันบนถนนบายพาสเลี่ยงเมืองชลบุรี ฝั่งขาเข้าพัทยา หน้าร้านภัตตาคารศรีนิยม ม.1 ต.บ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี โดยมีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บหลายราย หลังรับแจ้งจึงประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิธรรมรัศมีมณีรัตน์ เดินทางไปตรวจสอบ และให้การช่วยเหลือ
ในที่เกิดเหตุพบรถตู้รับส่งพนักงาน บริษัท ซินแพค (ประเทศไทย) จำกัด ยี่ห้อโตโยต้า คอมมูเตอร์ สีขาว หมายเลขทะเบียน ฮพ 8450 กทม.ซึ่งเป็นของบริษัท อัมรินทร์ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ ทรานสปอร์ต จำกัด สภาพพลิกตะแคงซ้ายอยู่กลางถนน ด้านหน้ารถพังยับเยิน และมีผู้เสียชีวิตเป็นชายติดอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ 1 ราย ขณะนี้ยังไม่ทราบชื่อ
นอกจากนั้น ยังพบผู้ได้รับบาดเจ็บที่โดยสารมากับรถตู้รวม 9 คน อาการสาหัส 4 คน และบาดเจ็บเล็กน้อย 5 คน ห่างออกไปประมาณ 15 เมตร พบรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน ผอ 8869 นครราชสีมา ที่มี นางหนูรักษ์ รดากร อายุ 50 ปี เป็นคนขับ และได้รับบาดเจ็บจุกที่หน้าอก นั่งอยู่ข้างถนน และยังอยู่ในอาการตกใจ ไม่สามารถให้การใดๆ ได้
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยได้นำผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดส่งโรงพยาบาลเอกชล และโรงพยาบาลชลบุรี เพื่อให้แพทย์ทำการรักษาเป็นการด่วน
จากการสอบสวน นายเอกราช แช่มโชติ อายุ 21 ปี ชาว จ.เพชรบูรณ์ คนขับรถตู้คันเกิดเหตุทราบว่า กำลังขับรถไปส่งพนักงานที่อุตสาหกรรมปิ่นทอง อ.ศรีราชา แต่เมื่อถึงที่เกิดเหตุรถกระบะคู่กรณีได้พุ่งข้ามเกาะกลางถนนมาชนรถกับของตนเองอย่างจัง จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บดังกล่าว เช่นเดียวกับพนักงานชายหญิงที่โดยสารมาในรถตู้ ที่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า รถกระบะพุ่งข้ามเกาะกลางถนนมาชน
ส่วนพยานที่เห็นเหตุการณ์ เผยว่า รถกระบะได้ขับเปลี่ยนเลนกะทันหันจนเสียหลักพุ่งข้ามเกาะกลางถนนชนประสานงากับรถตู้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสอบสวน นางหนูรักษ์ คนขับรถกระบะ และผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด พร้อมตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรเพื่อหาสาหตุที่แท้จริงอีกครั้ง ก่อนดำเนินการตามกฎหมาย