ศูนย์ข่าวศรีราชา - สภาพัทยา ห่วงปัญหาขยะหลังเปิดประมูลไม่ผ่าน แม้ใกล้หมดสัญญา 31 ตุลาคมนี้ จำต้องใช้วิธีพิเศษจ้างผู้รับเหมารายเดิมต่ออีกระยะหนึ่ง ขณะที่ขยะเกาะล้าน ยังเข้าขั้น “วิกฤต” พบปริมาณขยะสูงกว่า 30,000 ตัน ยังไร้แนวทางแก้ไขที่ชัดเจน
วันนี้ (4 ต.ค.) นายสินธ์ไชย วัฒนศาสตร์สาธร สมาชิกสภาเมืองพัทยา เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่าปัจจุบัน สัญญาการจ้างเหมาผู้จัดเก็บและขนถ่ายขยะมูลฝอยในเขตเมืองพัทยา กำลังจะหมดลงภายในวันที่ 31 ตุลาคมนี้แล้ว แต่ปรากฏว่า ตาม TOR และสัญญาจ้างใหม่มีภาคเอกชนเข้ามาประมูลเพียง 1 ราย ซึ่งขัดต่อระเบียบ จึงทำให้ต้องยกเลิก ด้วยกรณีดังกล่าวฝ่ายบริหารคงมีความจำเป็นต้องใช้วิธีพิเศษในการจัดจ้างผู้รับเหมารายเดิมออกไปอีกระยะ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันปัญหาของจุดพักขยะบริเวณสุขุมวิทซอย 3 ก็ยังไม่มีรูปแบบการบริหารที่ชัดเจน เนื่องจากยังคงต้องใช้งานต่อไป แต่พบว่า จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีการนำเรื่องเข้าไปชี้แจง หรือทำความเข้าใจต่อประชาชน ซึ่งส่วนใหญ่คาดหวังว่าจะยกเลิกพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากทนรับต่อปัญหามลพิษมานาน ซึ่งอาจจะกลายเป็นปัญหาบานปลายได้ ซึ่งก็คงต้องหาวิธีการแก้ไขต่อไป
นายสินธ์ไชย กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่เป็นห่วงในปัจจุบันคือ ปัญหาขยะตกค้างบนพื้นที่ “เกาะล้าน” ซึ่งต้องยอมรับว่าสถานการณ์ยัง “วิกฤต” เนื่องจากยังมีปริมาณขยะสะสมกว่า 30,000 ตัน ที่ยังไม่ได้แก้ไขจัดการ เนื่องจากระบบขนถ่ายด้วยเรือขนส่งก็เกิดปัญหาความเสื่อมโทรม ขณะที่ปริมาณขยะก็เพิ่มขึ้นทุกวันเฉลี่ยกว่า 20-30 ตัน/วัน และน่าจะขยายตัวขึ้นในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวมากกว่า 10,000 คนต่อวัน ขณะที่การแก้ไขปัญหาระยะยาว มีแผนจะสร้างเตาเผาขยะแบบมาตรฐานนั้น ปัจจุบัน ก็ยังอยู่ในขั้นตอนของการจ้างที่ปรึกษาเข้ามาสำรวจ และออกแบบ โดยคาดว่าน่าจะใช้ระยะเวลาอีกพอสมควร
ปัญหาเหล่านี้ทางสภาเองก็ไปศึกษาดูงานระบบการกำจัดขยะในหลายพื้นที่ อย่าง จ.ขอนแก่น หรือที่นาวิกโยธิน 4.0 โมเดล ซึ่งใช้การกำจัดลักษณะของการคัดแยก และจัดทำเชื้อเพลิง RDF ซึ่งได้ผลเป็นที่น่าพอใจ และสามารถจัดการขยะที่ตกค้างได้กว่า 20,000 ตันต่อปี ซึ่งกรณีนี้จะได้เร่งปรึกษากับสภา และฝ่ายบริหารว่า จะมีการดำเนินการอย่างไร หรือจะใช้ระบบที่ใช้อยู่ตามที่ได้ไปศึกษาดูงานหรือไม่ โดยเฉพาะแผนการจัดการปัญหาขยะตกค้าง และจุดคุ้มทุนในเรื่องของงบประมาณ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้เกี่ยวข้องต้องเร่งดำเนินการเร่งด่วนก่อนหมดสมัยของสภาชุดปัจจุบัน และลดสถานการณ์ที่อาจจะวิกฤตมากขึ้นกว่าในปัจจุบัน
