ตราด - ฉาว!! อดีตครูอัตราจ้างสถาบันการศึกษาใน จ.ตราด หลอกยืมเงินนักเรียน ผู้ปกครอง และแหล่งเงินกู้นอกระบบ รวมเจ้าหนี้กว่า 50 ราย เป็นเงินรวม 1 ล้านบาท ก่อนเผ่นหนีทั้งที่ยังไม่หมดสัญญาจ้าง ด้านผู้บริหารสถาบันการศึกษาระบุ เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างผู้กู้และผู้ให้กู้ ไม่เกี่ยวกับสถาบัน แต่หลังจากนี้จะเรียกประชุมทุกฝ่าย ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้อีก
วันนี้ (3 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเรื่องฉาวระหว่างนักเรียน และอดีตครูสาวอัตราจ้าง สถาบันการศึกษาแห่งหนึ่งใน จ.ตราด หลังอดีตครูสาวอัตราจ้างได้กู้ยืมเงินนักเรียนกว่า 30 ราย จนมียอดเงินรวมไม่ต่ำกว่า 3 แสนบาท ก่อนจะเผ่นหนีไปก่อนหมดสัญญาจ้างในวันที่ 30 ก.ย. 2560 ที่ผ่านมา ทำให้บรรดานักเรียนเจ้าหนี้พากันเดือดร้อนหลังติดต่ออดีตครูสาวอัตราจ้างรายนี้ไม่ได้
โดยนักเรียนรายหนึ่งเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับตัวเองเมื่อปีที่ผ่านมา โดยอดีตครูสาวอัตราจ้างรายนี้ได้ขอยืมเงิน จำนวน 4 หมื่นบาท ซึ่งในช่วงแรกได้ปฏิเสธไป แต่อดีตครูสาว ยังพยายามติดต่อขอยืมเงินจนใจอ่อน ประกอบกับเป็นครูที่เคยสอนตัวเองจึงไว้ใจให้ยืมเงิน พร้อมทั้งทำสัญญาเงินกู้ไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งในช่วงแรกก็มีการผ่อนชำระตามปกติ แต่ช่วงหลังเริ่มไม่ผ่อนชำระ และอ้างว่าไม่มีเงิน พร้อมทั้งเสนอให้เพิ่มดอกเบี้ยจากสัญญาเดิม และจะจ่ายดอกเบี้ยก่อนเงินต้น แต่สุดท้ายก็เบี้ยวไม่ยอมจ่ายเงินทั้งต้นทั้งดอก
เช่นเดียวกับนักเรียนอีกรายที่กล่าวว่า ทราบภายหลังว่าอดีตครูสาวอัตราจ้างได้กู้ยืมเงินนักเรียนในสถาบันอีกหลายราย ตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักแสนบาท ซึ่งสาเหตุของการกู้เงินคาดว่าจะนำไปใช้เป็นเงินหมุนเพื่อนำมาจ่ายคืนให้แก่นักเรียนรายอื่นๆ แต่สุดท้ายหมุนเงินไม่ทันจึงไม่สามารถชดใช้เงินได้ทั้งหมด และแม้ลูกหนี้จะพยายามติดตามทวงหนี้ แต่ก็ไม่เป็นผล เนื่องอดีตครูอัตราจ้างรายนี้หลบหนีไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ผู้เสียหายทั้งหมดได้ตั้งกลุ่ม line เพื่อหารือแนวทางการฟ้องร้อง และรวมรวบหลักฐานการกู้ยืมเงิน ซึ่งนักเรียนบางรายไม่มีสัญญายืมเงิน แต่มีหลักฐานการโอนเงินเท่านั้น
และจากการสอบถามไปยังผู้บริหารสถาบันการศึกษาที่อดีตครูอัตราจ้างรายนี้เคยสังกัดอยู่ ทราบว่า เพิ่งจะทราบเรื่องเมื่อ 5-6 วันก่อน และทราบว่าหลังเกิดเรื่องอดีตครูอัตราจ้างรายนี้ได้หนีออกไปจากสถาบันก่อนหมดสัญญาจ้าง เมื่อวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ขอชี้แจงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาระหว่างผู้กู้ยืมและผู้ให้ยืมเงิน ไม่เกี่ยวข้องต่อสถาบันการศึกษา
“แต่หากอดีตครูอัตราจ้างรายนี้ยังทำงานอยู่ในสถาบันก็จะลงโทษทางวินัยอย่างเด็ดขาด แต่เวลานี้ทางสถาบันไม่มีอำนาจใดๆ ที่จะดำเนินการต่ออดีตครูอัตราจ้างรายนี้ และเท่าที่ทราบไม่ใช่มีแค่กลุ่มนักศึกษาเท่านั้นที่ถูกยืมเงิน แต่ยังมีกลุ่มผู้ปกครอง กลุ่มเงินกู้นอกระบบอีก จึงตั้งข้อสังเกตว่าทำไมอดีตครูอัตราจ้างจึงกู้เงินมากมายขนาดนี้ ซึ่งหลังจากนี้จะเรียกประชุมครูในสถาบัน และนักเรียน รวมทั้งผู้ปกครอง เพื่อทำความเข้าใจในเรื่องการใช้เงิน ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้อีก” ผู้บริหาร กล่าว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะนี้มีผู้เสียหายรวม 3 กลุ่ม คือ นักเรียน ผู้ปกครอง และกลุ่มเงินกู้นอกระบบ ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เสียหายมากกว่า 50 ราย รวมยอดเงินประมาณ 1 ล้านบาท ซึ่งผู้เสียหายบางรายไม่มีหลักฐานการยืมเงิน เพราะ ไว้ใจอดีตครูอัตราจ้างรายนี้