กาญจนบุรี - “จบด้วยดี” แรงงานชาวพม่ากว่า 300 คน เข้าทำงานตามปกติแล้ว ด้าน ผจก.กก.บห.โรงงานข้าวโพดหวานเชื่อแค่สื่อสารกันพลาดเล็กน้อย ยันข้อเรียกร้องเป็นไปตามระเบียบอยู่แล้ว
จากกรณีแรงงานชาวพม่า ของบริษัท ริเวอร์แคว อินเตอร์เนชั่นแนล อุตสาหกรรม อาหาร จำกัด หมู่ 1 ต.แก่งเสี้ยน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี กว่า 300 คน พร้อมใจกันหยุดงานประท้วง โดยยื่นข้อเสนอให้บริษัทดำเนินการตามใน 6 ข้อ คือ 1.ขอให้ขึ้นค่าแรงเท่ากับแรงงานชาวไทยคือวันละ 305 บาท จากที่เคยได้รับวันละประมาณ 280-290 บาท 2.ขอให้หัวหน้าแผนกแต่ละแผนกที่เป็นคนไทยหยุดพูดจาดุด่าแรงงานแต่ละแผนกทั้งหมด
3.เมื่อแรงงานคนใดเกิดล้มป่วยขอให้ทางบริษัทรับผิดชอบ และจ่ายค่าแรงชดเชยให้แก่แรงงานที่ล้มป่วยทุกวัน 4.ให้ทางบริษัทฯ อนุญาตให้แรงงานทุกคนมีเวลาหยุดพักวันละ 1 ชั่วโมง 5.เมื่อเงินค่าแรงออกขอให้บริษัทฯ แสดงสลิปเงินเดือนของแรงงานทุกคนอย่างชัดเจน และ 6.ขอให้แรงงานทุกคนมีวันหยุดสลับสับเปลี่ยนกันไปอาทิตย์ละ 1 วัน การประท้วงเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 ก.ย.60 ที่ผ่านมา
จากนั้นเจ้าหน้าที่สำนักงานสวัสดิการคุ้มครองแรงงานจังหวัดกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่สำนักงานแรงงานจังหวัดกาญจนบุรี นายประจักษ์ บัวซ้อน กรรมการผู้จัดการบริษัทฯ และตัวแทนแรงงานชาวพม่า จำนวน 7 คน เข้าร่วมเจรจาหาทางออกร่วมกันเป็นการภายใน โดยมี นายเย มี ไน เอ็นจีโอชาวพม่า จากสถานทูตประเทศพม่า ประจำประเทศไทย มาร่วมเจรจาด้วย
ล่าสุด เมื่อเวลา 13.30 น.วันนี้ (29 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสังเกตการณ์บริเวณห้องเช่าของแรงงานที่รวมตัวกันประท้วงเมื่อวานนี้ พบว่า ไม่มีแรงงานรวมตัวกันแต่อย่างใด จากการสอบถามทราบว่า แรงงานชาวพม่าทั้งหมดได้เข้าไปทำงานที่แผนกต่างๆ ของบริษัทฯ ตามปกติแล้ว
ทั้งนี้ นายประจักษ์ บัวซ้อน กรรมการผู้จัดการบริษัทฯ กล่าวว่า ผมในฐานะผู้บริหารบริษัท ริเวอร์แคว อินเตอร์เนชั่นแนล อุตสาหกรรมอาหาร จำกัด ขอชี้แจงตามที่มีข่าว่าพนักงานไม่พอใจทางบริษัทฯ และมีการประท้วงหยุดงานในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา ขอแจ้งให้ทราบว่า ขณะนี้แรงงานที่ทำการประท้วงได้กลับเข้ามาทำงานตามปกติแล้ว สำหรับข้อเรียกร้องต่างๆ เราได้มีการพูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รวมทั้งตัวแทนแรงงาน และเจ้าหน้าที่ที่เดินทางมาจากสถานทูตพม่าตั้งแต่วานนี้แล้ว และเชื่อว่าทุกอย่างจะจบลงด้วยดี ซึ่งต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่จากสถานทูตพม่า รวมทั้งองค์กรต่างๆ และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องที่มาร่วมเจรจา รวมทั้งสื่อมวลชนที่คอยติดตามสถานการณ์ด้วย
ซึ่งทางบริษัทฯ ยอมรับว่า เมื่อมีการเคลื่อนไหวประท้วงหยุดงานของแรงงานก็ส่งผลกระทบต่อทางบริษัทฯ เป็นอย่างมาก เนื่องจากขณะนี้อยู่ในช่วงฤดูกาลของการเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรของชาวบ้านที่เป็นเกษตรกร และเมื่อเกษตรกรนำผลผลิตมาส่งให้แก่ทางโรงงาน ทำให้ทางโรงงานนั้นไม่สามารถนำไปแปรรูปเป็นอาหารกระป๋องได้ ซึ่งทางบริษัทฯ ไม่เคยต้องการให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น
สำหรับข้อเรียกร้องของแรงงานทั้ง 6 ข้อนั้น เป็นข้อเรียกร้องที่อยู่ในขั้นตอนของการปฏิบัติที่อยู่ในระเบียบของพวกเราอยู่แล้ว เชื่อว่าการประท้วงเกิดการผิดพลาดด้านการสื่อสารเล็กๆ น้อยๆ หรืออาจจะเกิดจากการเข้าใจผิดของแต่ละบุคคล ซึ่งหลังจากทราบปัญหา ตนในฐานะผู้บริหารบริษัทฯ ก็ได้รีบดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างดีที่สุด จนกระทั่งแรงงานทุกคนกลับมาทำงานตามปกติ