กาฬสินธุ์ - ชาวบ้านอำเภอสมเด็จ จังหวัดกาฬสินธุ์ หอบเอกสารแจ้งศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด หลังพบพิรุธส่วนผสมผลิตปุ๋ยอินทรีย์โครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อ ภายใต้ร่มพระบารมี ไม่ได้มาตรฐาน ใช้กากอ้อยเป็นหัวเชื้อ ขณะที่ชาวบ้านหลายแห่งยืนยันปุ๋ยไม่มีคุณภาพ เปิดถุงพิสูจน์พบแกลบดำยัดไส้ หว่านนาข้าวไม่ได้ผล วอนตรวจสอบทุกโครงการหาผู้กระทำผิดมาลงโทษ ด้านศูนย์ดำรงธรรมฯ เปิดสายด่วน 1567 รับเรื่องร้องเรียนทุจริตโครงการ 9101 ตลอด 24 ชั่วโมง
จากกรณีชาวบ้านใน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ เรียกร้องให้ตรวจสอบโครงการ 9101 ชนิดปูพรม ชี้โครงการส่อเอื้อประโยชน์นายทุน โดยเฉพาะที่ ต.หนองตอกแป้น เป็นพื้นที่เกษตรอินทรีย์แต่กลับถูกยัดโครงการปุ๋ยอินทรีย์ ยืนยันไม่จำเป็น หลังผ่านโครงการปุ๋ยอินทรีย์ 9101 ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น
ล่าสุด วันนี้ (29 ก.ย.) ที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ นายไชยา เครือหงส์ หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า หลังโครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อ ภายใต้ร่มพระบารมี ซึ่งสำนักงานเกษตรเป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบ ดำเนินการสิ้นสุดลง 30 สิงหาคม 2560 พบว่ามีประชาชนจากหลายพื้นที่ใน จ.กาฬสินธุ์ โทรศัพท์เข้ามาแจ้งเบาะแสและปรึกษาแนวทางร้องเรียนเกี่ยวกับพิรุธและความไม่โปร่งใสของโครงการ เพื่อให้มีการตรวจสอบ โดยเฉพาะขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างและคุณภาพของปุ๋ยอินทรีย์ที่ผลิตขึ้น
เบื้องต้นได้คำแนะนำให้หาหลักฐาน วัตถุพยานหรือเอกสารมาประกอบการร้องเรียนด้วย เพื่อความง่ายในการตรวจสอบ ซึ่งกรณีนี้มีแนวโน้มว่าจะมีชาวบ้านใน จ.กาฬสินธุ์ ร้องเรียนโครงการ 9101 เข้ามาเป็นจำนวนมาก
นายไชยากล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีตัวแทนชาวบ้านหมู่ 4 ต.สมเด็จ อ.สมเด็จ นำเอกสารร้องเรียนมายื่นต่อศูนย์ดำรงธรรม เพื่อขอให้มีการตรวจสอบโครงการ 9101 ที่ผลิตปุ๋ยอินทรีย์ด้วย จากการตรวจสอบเบื้องต้นระบุว่าส่วนผสมการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ไม่ได้มาตรฐาน ส่วนมากเป็นกากอ้อย ไม่มีธาตุอาหารที่เหมาะสมกับพืช ใช้งบประมาณจำนวนมากแต่ได้วัตถุดิบคุณภาพต่ำ ซึ่งศูนย์ดำรงธรรมจะได้ตรวจสอบหลักฐานข้อร้องเรียนโดยละเอียด และเสนอผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อตั้งคณะกรรมการตรวจสอบต่อไป
ทั้งนี้ หากประชาชนมีเรื่องราวร้องทุกข์ ไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือปรึกษากรณีใดๆ รวมทั้งการทุจริตโครงการ 9101 สามารถแจ้งมาที่สายด่วน 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง
สำหรับด้านการตรวจสอบคุณภาพของปุ๋ยอินทรีย์ ที่ได้จากโครงการ 9101 ซึ่งชาวบ้านระบุว่าคุณภาพต่ำ และเชื่อว่ามีการทุจริตตั้งแต่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง และเอื้อผลประโยชน์ผู้รับเหมานั้น นายประจักษ์ ภูแลขำ อายุ 63 ปี บ้านเลขที่ 193 หมู่ 4 ชาวบ้านโคกศรี ต.อุ่มเม่า อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ได้นำผู้สื่อข่าวพิสูจน์คุณภาพปุ๋ยที่ซื้อมาจากโครงการฯ โดยระบุว่าซื้อมา 10 ถุง ราคาถุงละ 50 บาท
นายประจักษ์กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังกับคุณภาพปุ๋ยอินทรีย์โครงการ 9101 เป็นอย่างมาก เนื่องจากมีที่นา 2 แปลง แปลงหนึ่งถูกน้ำท่วมเสียหายหมด หวังจะได้เก็บเกี่ยวข้าวจากนาแปลงนี้ที่ต้นข้าวกำลังเติบโต จึงซื้อปุ๋ยอินทรีย์จากโครงการ 9101 มาหว่านข้าว ซึ่งเนื้อปุ๋ยส่วนใหญ่มีแต่แกลบดำ แกลบดิบ และปุ๋ยคอกผสมเพียงเล็กน้อย โดยหว่านไป 8 ถุง ข้าวก็ยังเหมือนเดิม ไม่เขียว ไม่งาม ไม่แตกกอ ในที่สุดก็หันไปซื้อปุ๋ยเคมีมาหว่าน
“การผลิตปุ๋ยอินทรีย์ของโครงการนี้เหมือนเป็นการตบตาชาวบ้าน และเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำอย่างเสียเปล่า งบประมาณตำบลละ 2,500,000 บาททำได้แค่นี้หรือ ทั้งนี้ จากการสำรวจความคิดเห็นและกระแสของชาวบ้านในหลายๆ ตำบลยืนยันว่าไม่มีคุณภาพ โดยพบว่าหลายแห่งขายไม่ได้ ยังเหลืออยู่ตามโกดังที่เก็บปุ๋ยจำนวนมาก” นายประจักษ์ระบุ และว่าเนื่องจากชาวบ้านไม่เชื่อในคุณภาพ และไม่ใช่ความต้องการของชาวบ้านเพราะเป็นการมัดมือชกให้ทำปุ๋ย เชื่อว่าโครงการนี้มีการทุจริตเป็นขบวนการ จึงอยากเรียกร้องให้ส่วนราชการที่เป็นเจ้าของงบประมาณ ลงพื้นที่ตรวจสอบทุกโครงการอย่างเร่งด่วน เพื่อหาผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้