ปธ.บริษัทจีนแจงเองไม่บึ้มแก่งโขงหมด กลุ่มอนุรักษ์จี้ถามทำไมต้องคุมระดับน้ำโขง

เชียงราย - ประธานบริษัทจีน ผู้รับสัมปทานปรับปรุงร่องน้ำโขง ร่วมเวทีรับฟังความคิดเห็นครั้งสุดท้ายที่เชียงของ ย้ำผ่านล่ามไม่ระเบิดแก่งน้ำโขงทั้งหมดแน่-หากมีปัญหาอาจเลิก ขณะที่กลุ่มรักษ์เชียงของ แจกแผ่นพับต้านบึ้มเกาะแก่ง พร้อมถามกลับ ทำไมต้องคุมระดับน้ำโขง

วันนี้ (27 ก.ย.) นายทัศนัย สุธาพจน์ นายอำเภอเชียงของ จ.เชียงราย ได้เป็นประธาน นำประชาชนผู้มีส่วนได้เสียในพื้นที่ อ.เชียงของ รวมถึงนายนิวัติ ร้อยแก้ว แกนนำกลุ่มรักษ์เชียงของ รวมราว 60 คน เข้าร่วมเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อขอบเขตและแนวทางการศึกษาโครงการปรับปรุงร่องน้ำโขง ครั้งที่ 7

ซึ่งบริษัททีมคอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด ตัวแทนบริษัท CCCC second harbor consultants จำกัด เอกชนจีนที่ได้รับสัมปทานจาก สป.จีน ดำเนินโครงการปรับปรุงร่องน้ำทางเดินเรือในแม่น้ำล้านช้าง-แม่น้ำโขง ได้จัดขึ้นที่ห้องประชุมที่ว่าการ อ.เชียงของ จ.เชียงราย

นายทัศนัยกล่าวว่า พื้นที่ อ.เชียงของมีการจัดเวทีดังกล่าว 2 ครั้งแล้ว ถือว่าผู้ดำเนินโครงการฯ ให้ความสำคัญ ซึ่งก็พบว่าที่ผ่านมามีความคิดเห็นหลากหลาย ซึ่งโครงการนี้อาจมีบางส่วนที่ไม่ตรงกับประสบการณ์ หรือผลประโยชน์ของแต่ละกลุ่ม แต่ก็ขอให้พิจารณาให้ครบถ้วนทั้งด้านมุมมองเชิงการเมือง เศรษฐกิจ เชิงสังคม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วย

น.ส.ตวงสรวง สกุลกลจักร เจ้าหน้าที่ของบริษัททีมคอนซัลติ้งฯ ได้ให้ข้อมูลถึงความเป็นมาของโครงการปรับปรุงร่องน้ำทางเดินเรือฯ ว่า เกิดจากการที่รัฐบาลของ 4 ประเทศ ได้แก่ ไทย สปจ. สปป.ลาว และพม่าได้ลงนามความตกลงว่าด้วยการเดินเรือฯ เมื่อปี 2543 เพื่ออำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินเรือ โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องไม่มีการเปลี่ยนแปลงร่องน้ำลึก กระแสน้ำ พรมแดนที่เป็นเส้นแบ่งเขตแดน

ต่อมาบริษัท CCCC Second Harbor Consultants จำกัด จึงได้เริ่มสำรวจและออกแบบแนวทางปรับปรุงร่องน้ำตั้งแต่ชายแดนประเทศจีน-เมืองหลวงพระบาง แขวงหลวงพระบาง สปป.ลาว ระยะทาง 631 กิโลเมตร โดยทางบริษัททีมคอนซัลติ้งฯ ได้รับมอบหมายให้สำรวจและเก็บข้อมูลในครั้งนี้เพื่อส่งต่อให้บริษัท CCCC ต่อไป

ด้านนายนิวัติกล่าวว่า บริษัทที่ดำเนินการควรแจ้งให้ชาวบ้านทราบด้วยว่าจะมีการขยายเส้นทางการเดินเรือแม่น้ำโขง โดยมีการระเบิดเกาะแก่งในแม่น้ำด้วย ขณะเดียวกันควรจะแจ้งเรื่องการสร้างเขื่อนกั้นแม่น้ำโขงในจีนจำนวน 6 แห่ง ว่ามีผลต่อการขึ้น-ลงของระดับน้ำไม่เป็นไปตามธรรมาติ ซึ่งเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการระเบิดเกาะแก่งด้วย และทั้งหมดล้วนมีผลกระทบต่อระบบนิเวศเหมือนเป็นการฆ่าแม่น้ำโขง

นายนิวัติกล่าวอีกว่า จนถึงทุกวันนี้ตนยังสงสัยหลายเรื่อง คือ เหตุใดต้องใช้เรือบรรทุกสินค้าใหญ่ถึง 500 ตันมาขนส่งสินค้าในแม่น้ำโขง เพราะสามารถใช้เรือขนาดเล็กกว่านี้ได้ และที่สำคัญคือ ทำไมต้องควบคุมระดับน้ำ และระเบิดเกาะแก่งด้วย

ทั้งที่ปัจจุบันมีเส้นทางบก คือ ถนนอาร์สามเอ ไทย-สปป.ลาว-จีน อยู่แล้ว รวมทั้งมีท่าเรือแม่น้ำโขงเชียงแสนแห่งที่ 1 และ 2 รองรับ ซึ่งสามารถกระจายสินค้าได้โดยไม่จำเป็นต้องระเบิดเกาะแก่งตามเส้นทางมาถึง อ.เชียงของเลย ดังนั้นจึงขอให้บริษัทได้ศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์เพิ่มเติม โดยให้เห็นคุณค่าของแม่น้ำโขงให้มากขึ้น

นอกจากนี้ เห็นว่ากระบวนการต่างๆ ที่ทำเพื่อจะดำเนินโครงการมีแค่ 10 เดือน ซึ่งน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับระยะทางของแม่น้ำโขงที่ติดกับ จ.เชียงราย กว่า 96 กิโลเมตร

ขณะที่นายหลิง ลี่หัว ประธานบริษัท CCCC Second Harbor Consultants จำกัด ที่เดินทางเข้าร่วมเวทีครั้งนี้ด้วยตัวเอง กล่าวผ่านล่ามว่า จะเลือกแนวทางที่ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด และจะไม่ระเบิดแก่งหิน รวมทั้งขุดดินทรายในแม่น้ำโขงทั้งหมด โดยจุดที่สามารถเดินเรือได้จะไม่เข้าไปดำเนินการ

นายหลิง ลี่หัว ระบุผ่านล่ามอีกว่า จากการศึกษาข้อมูลคนเดินเรือตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมาพบว่า แม่น้ำโขงเขตที่ติดไทยมีจุดที่เป็นอุปสรรคต่อการเดินเรือเพียงแค่ 15 จุด และเคยมีเรือขนาดบรรทุกสินค้าได้กว่า 450 ตันวิ่งผ่านได้ แสดงว่าร่องน้ำเหล่านี้มีขนาดใหญ่เพียงพอ แต่ก็ไม่สามารถเดินเรือได้ตลอดทั้งปี ดังนั้นเป้าหมายของโครงการนี้จึงมุ่งไปที่การให้เดินเรือขนาดใหญ่ในแม่น้ำโขงช่วงฤดูแล้งได้เป็นสำคัญ

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ เป็นเพียงผู้ถูกว่าจ้างตามข้อตกลงของ 4 ประเทศ ท้ายที่สุดก็ต้องให้ทั้ง 4 ประเทศตัดสินใจ โดยอาจจะดำเนินโครงการ หรือหากมีปัญหา เช่น เรื่องงบประมาณ ฯลฯ ก็อาจยุติโครงการไปเลยก็ได้

ทั้งนี้ มีรายงานว่าระหว่างที่มีการดำเนินเวทีรับฟังความคิดเห็นดังกล่าว กลุ่มรักษ์เชียงของได้แจกจ่ายเอกสารขนาดกระดาษเอ 4 หัวข้อ "ทำไมจึงไม่ควรระเบิดแก่งแม่น้ำโขง" และ "หยุดระเบิดเกาะแก่งแม่น้ำโขง" รวมถึงมีสติกเกอร์ระบุข้อความ "หยุดระเบิดแก่งแม่น้ำโขง รักษามรดกทางธรรมชาติไว้ให้ลูกหลาน" โดยมีเนื้อหาชี้แจงถึงผลกระทบหากมีการระเบิดแก่งในแม่น้ำโขงเพื่อขยายเส้นทางเดินเรือด้วย