ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - อธิบดีกรมป่าไม้ รับเรื่องร้องเรียนจากกลุ่มชาวต่างประเทศ โวยถูกหลอกซื้อบ้านพักหรูกลาง “หุบเขาไฮโซ” อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ โดยไม่รู้ว่าตั้งอยู่กลางพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และไม่สามารถซื้อขายกันได้ ทำสูญเงินเฉียด 40 ล้านบาท วอนช่วยจัดการคนขายเพื่อป้องกันไม่ให้มีผู้ตกเป็นเหยื่ออีก ขณะที่ จนท.เผยพบพื้นที่เดียวกันมีการบุกรุกป่า 18 ราย เนื้อที่รวม 144 ไร่ 2 งาน 60 ตารางวา กำลังเร่งตรวจสอบการออกเอกสารสิทธิว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่ แจ้งว่า วานนี้ (23 ก.ย.) นายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ พร้อมด้วย นายอรรถพล เจริญชันษา รองอธิบดีกรมป่าไม้ และนายชีวะภาพ ชีวะธรรม หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจปราบปรามพิเศษ (พยัคฆ์ไพร) กรมป่าไม้ นำกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ร่วมกับฝ่ายทหาร และฝ่ายปกครอง เข้าตรวจสอบสถานที่พักตากอากาศ รีสอร์ต และสิ่งปลูกสร้างที่บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ท่าช้าง และป่าแม่ขนิน ตำบลน้ำแพร่ อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ โดยการลงพื้นที่ตรวจสอบครั้งนี้เป็นการติดตามความคืบหน้าการดำเนินการ หลังจากเมื่อช่วงเดือน มิ.ย.59 ที่เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบว่า มีการก่อสร้างในลักษณะบ้านพักตากอากาศ รีสอร์ต และสิ่งปลูกสร้างต่างๆ เป็นจำนวนมากในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ เขตอำเภอหางดง จำนวน 18 ราย เนื้อที่รวม 144 ไร่ 2 งาน 60 ตารางวา ซึ่งมีการอ้างหลักฐานเป็นเอกสารสิทธิทั้งโฉนดที่ดิน และ น.ส.3 รวมทั้งการถือครองตามมติคณะรัฐมนตรี 30 มิ.ย.2541
ทั้งนี้ ในการเข้าตรวจสอบครั้งนี้รายงานข่าวแจ้งว่าได้มีกลุ่มชาวต่างประเทศ จำนวน 4 ราย ได้นำเอกสาร และหลักฐานต่างๆ ร้องเรียนต่ออธิบดีกรมป่าไม้ ว่า ถูกหลอกลวงจากผู้ขายที่เป็นคนไทยให้ซื้อบ้านพักดังกล่าวที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งในบริเวณเดียวกัน ยังมีบ้านหรูอีกหลายหลังด้วย โดยที่กลุ่มชาวต่างประเทศทั้งหมดไม่ทราบว่าพื้นที่ดังกล่าวไม่สามารถซื้อขายกันได้ตามกฎหมาย จึงตัดสินใจนำเงินเก็บซื้อบ้านดังกล่าวเพื่อหวังจะใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสงบ เพราะผู้ขายมีการโฆษณาว่าเป็นบ้านพักผ่อนสำหรับคนวัยเกษียณ
แต่สิ่งต่างๆ กลับไม่เป็นไปตามที่โฆษณา โดยเฉพาะเป็นการรุกล้ำพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ทำให้ได้รับความเสียหายเป็นเงินรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 38 ล้านบาท จากการซื้อบ้าน 4 หลัง ราคาหลังละ 5-12 ล้านบาท และมีการหลอกให้โอนเงินอีกประมาณ 6 ล้านบาท จึงต้องการให้ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ และดำเนินการตามกฎหมายต่อผู้ขายเพื่อไม่ให้มีชาวต่างประเทศ หรือคนอื่นๆ ตกเป็นเหยื่ออีก
อธิบดีกรมป่าไม้ เปิดเผยว่า ในจังหวัดเชียงใหม่ จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่า มีกรณีการรุกล้ำเข้าไปทำสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติทั้งสิ้นกว่า 100 ราย ซึ่งที่ผ่านมา มีการดำเนินการตามกฎหมายไปแล้วประมาณ 27 ราย โดยในรายที่อ้างหลักฐานเป็นเอกสารสิทธิทั้งโฉนดที่ดิน ทางกรมป่าไม้ มีการประสานการทำงานร่วมกับทางกรมที่ดิน ในการตรวจสอบว่าเป็นการออกเอกสารสิทธิที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพราะการเดินสำรวจออกเอกสารสิทธิไม่สามารถทำทับพื้นที่ป่าไม้ถาวรได้ ซึ่งหากพบจะทำการเพิกถอนทันที
สำหรับกรณีพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ท่าช้าง และป่าแม่ขนิน ที่ได้รับการขนานนามว่า “หุบเขาไฮโซ” เพราะมีการสร้างบ้านพัก และรีสอร์ตท่ามกลางพื้นที่ป่าเขาที่มีทิวทัศน์ และธรรมชาติสวยงามนั้น เบื้องต้น พบการบุกรุก 18 ราย ซึ่งดำเนินการไปแล้ว 2 ราย ส่วนที่เหลือกำลังเร่งดำเนินการ โดยเฉพาะการร่วมกับกรมที่ดิน ตรวจสอบว่าการออกเอกสารสิทธิชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
ส่วนกรณีชาวต่างประเทศที่ร้องเรียนว่าถูกหลอกให้ซื้อบ้านพักที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาตินั้น อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จึงไม่สามารถทำการซื้อขายกันได้ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า กลุ่มชาวต่างประเทศที่ร้องเรียนทำการซื้อขายผ่านทางเว็บไซต์ ขณะที่พื้นที่ดังกล่าวมีคนไทยเป็นผู้ยื่นเอกสารเพื่อทำการสำรวจถือครอง อย่างไรก็ตาม แม้จะมีเอกสารการถือครองแต่การสร้างบ้านพัก และรีสอร์ต รวมทั้งการซื้อขายย่อมไม่สามารถทำได้อยู่ดีเพราะเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ
ทั้งนี้ ความเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้นจะเป็นหน้าที่ของทางตำรวจในการตรวจสอบ และดำเนินคดีต่อไป ซึ่งแนะนำ และเน้นย้ำผู้ที่ต้องการจะซื้อบ้านพักตากอากาศแต่ไม่มั่นใจว่าอยู่ในเขตป่าไม้ หรือสามารถซื้อขายกันได้หรือไม่ต้องตรวจสอบข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ และกรมที่ดินให้ชัดเจนเสียก่อน