อุทัยธานี - กลุ่มผู้ประกอบการเขียงหมู แผงไก่-ไข่รายย่อยเมืองอุทัยฯ รวมตัวร้องเทศบาลฯ หลังแฟรนไชส์ทุนใหญ่เปิดร้านขายหมู ไก่ ไข่ใจกลางเมืองไม่พอ ยังขายตัดราคาถึง 30 บาท/กก. จนลูกค้าหายเกลี้ยง แค่ 4 วันสูญรายได้แล้วหลายแสน
วันนี้ (20 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ประกอบการร้านจำหน่ายเนื้อหมู เนื้อไก่สด และไข่ไก่ในตลาดสดเทศบาลเมืองอุทัยธานี และตลาดเกษตร ติดกับ บขส.อุทัยธานี รวมกว่า 30 ราย รวมตัวกันเข้าร้องเรียนต่อ น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ นายกเทศมนตรีเมืองอุทัยธานี
หลังมีแฟรนไชส์บริษัทยักษ์ใหญ่ 2 แห่งเข้ามาทำการเปิดร้านจำหน่ายเนื้อหมู เนื้อไก่ และไข่ไก่แบบร้านค้าปลีกในราคาขายส่ง ส่งผลให้บรรดาพ่อค้าแม่ค้าที่ขายสินค้าในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อนไม่สามารถขายสินค้าได้เหมือนเดิม เนื่องจากประชาชนและผู้บริโภคหันไปซื้อเนื้อหมู เนื้อไก่ และไข่ไก่ในราคาที่ถูกกว่า จนขาดรายได้จากการจำหน่ายสินค้ากันทั่ว
กลุ่มผู้ค้าหมู ไก่ ไข่ไก่รายย่อยระบุว่า ช่วง 4 วันที่ทางร้านแฟรนไชส์ดังกล่าวมาเปิดร้านจำหน่ายสินค้าประเภทเดียวกัน แต่ในราคาถูกกว่ากันถึง 30 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้ผู้ประกอบการร้านค้ารายย่อยสูญเสียเงินรายได้รวมประมาณ 200,000-300,000 บาท และหากรวมระยะเวลาใน 1 เดือน กลุ่มผู้ค้าทั้ง 30 ร้านในพื้นที่จะสูญเสียรายได้จากการขายไปถึง 900,000-1,000,000 บาท
นายวิโรจน์ เตียวิรัตน์ อายุ 65 ปี ตัวแทนกลุ่มเขียงหมูในตลาดสดเทศบาล กล่าวว่า ปัญหาเกิดจากทางร้านแฟรนไชส์มาจำหน่ายสินค้าประเภทเนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อสด และไข่ไก่ในราคาที่ถูกกว่า ทำให้ไม่มีประชาชนเข้ามาเลือกซื้อสินค้าในตลาด อีกทั้งยังผิดกฎข้อตกลงที่ทางเทศบาลฯ ได้ระบุไว้ว่าห้ามมีการเปิดขายเนื้อสัตว์ยังบ้านเรือน หรือตึกแถวเด็ดขาด โดยให้มีการเข้าเปิดร้านจำหน่ายยังสถานที่หรือที่ตลาดที่ทางเทศบาลฯ กำหนดไว้ให้เท่านั้น แต่ร้านดังกล่าวเข้ามาเปิดร้านโดยใช้ตึกอาคารเปิดขายย่านใจกลางเมือง ซึ่งถือว่าผิดกฎที่เทศบาลฯ กำหนดไว้ พวกตนจึงพากันเข้ามาขอความช่วยเหลือกับทางเทศบาลฯ ดังกล่าว
ด้าน น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ นายกเทศมนตรีเมืองอุทัยธานี กล่าวว่า จากการที่พ่อค้า แม่ค้าเขียงหมู ไก่สด และไข่ไก่ ได้เข้ามาร้องเรียนในเรื่องดังกล่าวนั้น เบื้องต้นได้ขอความร่วมมือยังกลุ่มผู้ประกอบการแฟรนไชส์ทั้ง 2 รายดังกล่าวเข้ามาพูดคุยและร่วมรับทราบถึงปัญหาความเดือดร้อนของพ่อค้าแม่ค้าเหมือนกัน
เทศบาลเมืองอุทัยธานียืนยันให้ความเป็นธรรมแก่ทั้งสองฝ่าย เพราะต่างก็เป็นผู้ประกอบการเหมือนกัน แต่ต่างกันตรงที่เป็นร้านเล็กและร้านใหญ่ แต่ในด้านข้อตกลง และกฎหมายนั้น ทางผู้ประกอบการร้านแฟรนไชส์ดังกล่าวยังคงอยู่ในการดำเนินการขอดำเนินเรื่องเปิดร้าน และรอการอนุมัติอยู่อีกหลายรายการ
ขณะที่ในด้านผังเมืองถือว่าผู้ประกอบการแฟรนไชส์ผิดระบบการบริหารดูแลที่ทางเทศบาลฯ ได้มีการกำหนดเอาไว้ว่า ไม่ให้ผู้ค้าซากสัตว์เข้าทำการเปิดร้านอย่างที่บ้านพักอาศัย หรือห้างร้านเด็ดขาด เพื่อความเป็นระเบียบและมีความสะอาดถูกหลักอนามัยแก่ผู้บริโภค
“หากมองในด้านความเป็นจริงแล้ว จังหวัดอุทัยธานีเป็นจังหวัดปิด และเป็นจังหวัดขนาดเล็ก การที่มีบริษัทใหญ่เข้ามาทำการค้าปลีกในราคาขายส่ง แน่นอนว่าระบบร้านค้าปลีกในพื้นที่จะต้องได้รับความเดือดร้อน ได้รับผลกระทบแน่นอน”
น.ส.มนัญญากล่าวอีกว่า ดังนั้นจึงอยากให้มองในระบบรากหญ้า ว่าการดำรงการประกอบอาชีพการสร้างรายได้และการอยู่อาศัย ก่อนการมองถึงความสะดวกสบาย หรือช่องทางการเข้าถึงในระบบการค้าที่ทันสมัย ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่ได้ห้ามหรือขัดแย้งในด้านการค้าขายของบริษัทใหญ่ แต่อยากให้มองลึกลงไปในส่วนของการที่กลุ่มผู้ค้ารายย่อยจะถูกเอาเปรียบ
เช่น เล้าหมู ส่งหมูให้กลุ่มเขียงหมูในราคา หมูเป็น กิโลกรัมละ 130 บาท เมื่อชำแหละแบ่งขาย เป็นที่แน่นอนว่าต้องขายในราคาที่สูงกว่า 130 บาท แต่ผู้ประกอบการรายใหญ่กลับนำเนื้อหมูมาขายตัดราคา ทั้งยังเป็นราคาที่ถูกกว่าต้นทุนที่บริษัทส่งหมูเป็นให้กลุ่มเขียงหมูอีก ย่อมส่งผลกระทบแน่นอน
“ปัญหาดังกล่าวนี้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่กลุ่มผู้ค้ารายย่อยได้รับความเดือดร้อน และถูกเอาเปรียบจากบริษัทหรือห้างร้านใหญ่ชัดเจน”
ด้าน นายพรเทพ ลิ่มเซ็ง หนึ่งในผู้ประกอบการแฟรนไชส์ กล่าวว่า ต้องรอฟังผลจากทางเทศบาลฯ ก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่เบื้องต้นทางเราได้ดำเนินการอย่างถูกต้อง และมั่นใจว่ากลุ่มผู้บริโภคในพื้นที่จะได้รับผลประโยชน์จากการเลือกซื้อสินค้าในราคาที่ถูกกว่า