นอภ.เชียงใหม่ยันยึดหลัก กม.และเป็นธรรมสั่งปิดร้านลาบขายเบียร์เกินเวลา-รวบรวมหลักฐานจ่อเอาผิดหมิ่นประมาท

ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - นอภ.เมืองเชียงใหม่ย้ำชัดกรณีสั่งปิดร้านลาบ เป็นการทำหน้าที่โดยยึดหลักกฎหมาย ไม่มีการเลือกปฏิบัติหรือกลั่นแกล้ง ชี้ร้านเข้าลักษณะเป็นสถานประกอบการคล้ายสถานบริการ ระหว่างเข้าตรวจสอบพบการกระทำผิดชัดเจน ทั้งเปิดเกินเวลา และจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นอกเวลาที่กฎหมายกำหนด เผยร้านมีการยื่นอุทธรณ์โดยอ้างพนักงานใหม่ไม่รู้ข้อห้ามกฎหมาย แต่คณะกรรมการจังหวัดไม่เห็นด้วย จึงเสนอผู้ว่าฯ สั่งปิด แจงยังเปิดกิจการอื่นได้แค่ห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ส่วนกรณีร้านพาดพิงการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ผ่านโซเชียลมีเดีย กำลังตรวจสอบ หากพบทำผิดกฎหมายพร้อมดำเนินการเด็ดขาด

ความคืบหน้ากรณีร้านอาหารชื่อ “ยักษา” ที่ทางร้านระบุว่าเป็นร้านขายลาบและอาหารพื้นเมือง ย่านสันติธรรม ในตัวเมืองเชียงใหม่ จัดกิจกรรมและติดป้ายประชดเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองที่มีคำสั่งปิดร้าน 5 ปี เนื่องจากกระทำผิดกฎหมายจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นอกเวลาที่กฎหมายกำหนด แต่อ้างว่าเจ้าหน้าที่ลงโทษรุนแรงกว่าเหตุและไม่ได้รับความเป็นธรรมนั้น เมื่อวันที่ 19 ก.ย. นายศรัณยู มีทองคำ นายอำเภอเมืองเชียงใหม่ ยืนยันว่า กรณีที่มีคำสั่งปิดร้านดังกล่าวโดยห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นระยะเวลา 5 ปีนั้น เจ้าหน้าที่ดำเนินการทุกอย่างตามกฎหมายและให้ความเป็นธรรมโดยไม่มีการเลือกปฏิบัติหรือกลั่นแกล้งผู้ประกอบการแต่อย่างใด

สำหรับกรณีดังกล่าว สืบเนื่องมาจากการที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบร้านดังกล่าว เวลาประมาณ 01.20 น.ของคืนวันที่ 16 มิ.ย. 60 ต่อเนื่องเช้าวันที่ 17 มิ.ย. 60 พบว่าร้านดังกล่าวที่อ้างว่าเป็นร้านอาหารขายลาบและระบุว่าเปิดบริการถึง 06.00 น. มีการเปิดเพลงและเปิดถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอล รวมทั้งมีการจำหน่ายเบียร์ให้ลูกค้าด้วย ซึ่งเข้าลักษณะเป็นสถานประกอบการคล้ายสถานบริการ และตามกฎหมายกำหนดว่าสามารถเปิดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ไม่เกินเวลา 24.00 น. แต่ปรากฏว่าขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบมีการเปิดเกินเวลาและมีการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้ลูกค้านอกเวลาที่กฎหมายกำหนด จึงถูกดำเนินการตามกฎหมาย

โดยทางร้านให้การรับสารภาพในชั้นพนักงานสอบสวน และเสียค่าปรับที่สถานีตำรวจภูธรช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นทางอำเภอเมืองเชียงใหม่ได้แจ้งทางร้านว่ามีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และขัดคำสั่ง คสช.ที่ 22/2558

ต่อมาวันที่ 6 ก.ค. 60 ทางร้านได้ทำหนังสืออุทธรณ์อ้างว่า การกระทำความผิดดังกล่าวเกิดจากพนักงานของร้านเป็นพนักงานใหม่จึงไม่ทราบเกี่ยวกับข้อกฎหมายห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คณะกรรมการจังหวัดเชียงใหม่พิจารณาแล้วไม่เห็นด้วย และเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ลงนามคำสั่งปิดร้านดังกล่าว ซึ่งเป็นการปิดสถานที่ดังกล่าวโดยห้ามไม่ให้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ยังสามารถเปิดร้านอาหารหรือกิจการอื่นได้

นอกจากนี้ นายอำเภอเมืองเชียงใหม่ย้ำว่า การปฏิบัติหน้าที่และดำเนินการของเจ้าหน้าที่ทำโดยยึดกฎหมายเป็นหลักและไม่มีการกลั่นแกล้งผู้ประกอบการแต่อย่างใด ซึ่งที่ผ่านมามีร้านในเชียงใหม่ที่ถูกดำเนินการในลักษณะเดียวกันนี้แล้วไม่ต่ำกว่า 50 ร้าน ซึ่งผู้ประกอบการเจ้าของร้านต่างยอมรับผลจากการกระทำความผิดด้วยดี

บางร้านยังคงใช้สถานที่เดิมแต่เปลี่ยนไปประกอบกิจการอย่างอื่น โดยไม่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ขณะที่บางร้านย้ายไปหาสถานที่ใหม่เพื่อประกอบการต่อไป

ส่วนกรณีที่ทางเจ้าของร้าน “ยักษา” มีการกล่าวพาดพิงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในเชิงลบและมีการเผยแพร่ผ่านทางโซเชียลมีเดียด้วยนั้น นายศรัณยูกล่าวว่า เบื้องต้นกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบหลักฐานว่ามีการพาดพิงหรือหมิ่นประมาทเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ หรือบุคคลอื่นให้ได้รับความเสียหาย ทั้งการถูกดูหมิ่น เกลียดชัง และเข้าใจผิดหรือไม่ ซึ่งหากพบว่ามีการกระทำที่เข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป