เลย - ชาวสวนทุเรียนเมืองเลยยิ้มแป้นผลผลิตไม่พอขาย เหตุรสชาติดี กลิ่นไม่ฉุน เม็ดเล็กลีบ ขายหน้าสวนถึงกิโลกรัมละ 100 บาท ส่งผลชาวสวนหน้าใหม่แห่ซื้อกิ่งพันธุ์ปลูกเพิ่มแม้ราคาสูงถึงกิ่งละ 350 บาท
วันนี้ (14 ก.ย. 60) ที่สวนทุเรียนบนยอดภูเขาห้วยยอดกกทอง ต.บุฮม อ.เชียงคาน จ.เลย นายบรรพต ยาฟอง นายอำเภอเชียงคาน นำเจ้าหน้าที่เข้าสำรวจผลผลิตทุเรียน ณ แหล่งเพาะปลูกดังกล่าว ซึ่งเป็นแหล่งเพาะปลูกทุเรียนพันธุ์ “คักเลย” ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น รสชาติอร่อยแตกต่างจากทุเรียนจังหวัดอื่น โดยทุเรียนที่จังหวัดเลยมีสโลแกน “กลิ่นหอมหวน นวลหนาใหญ่ ในเม็ดเล็ก”
สื่อความหมายถึงเอกลักษณ์ทุเรียนของ ต.บุฮม จ.เลย ที่มีกลิ่นหอมแต่ไม่ฉุน มีพูใหญ่เนื้อหนา แต่เมล็ดลีบเล็ก จึงเป็นที่นิยมของผู้บริโภค ผลผลิตออกมาจึงไม่พอต่อความต้องการของตลาด โดยปีนี้เกษตรกรที่ปลูกทุเรียนในจังหวัดเลยต่างยิ้มแย้มกันถ้วนหน้าเนื่องจากสามารถขายได้ราคาดี ชาวไร่ทุเรียนแต่ละรายเมื่อขายผลผลิตแล้วมีโอกาสได้จับเงินล้านกันอย่างถ้วนหน้า ทำให้เกษตรกรแห่ปลูกเพิ่ม แม้ต้นพันธุ์จะแพงกิ่งละ 350 บาท ยอดสั่งจองกิ่งพันธุ์ไม่พอจำหน่าย
นายบรรพต ยาฟอง นายอำเภอเชียงคาน กล่าวว่า บนภูเขาห้วยยอดกกทอง ตำบลบุฮมเป็นพื้นที่ป่า แต่เป็นป่าเสื่อมโทรม ชาวบ้านได้บุกรุกทำกินมากว่า 30-40 ปีมาแล้ว ส่วนใหญ่จะปลูกผลไม้เกือบทุกชนิดที่เกิดขึ้นในเมืองไทย ทั้งมะม่วง ฝรั่ง มะละกอ กล้วย ชาวบ้านปลูกและส่งไปต่างประเทศ โดยเฉพาะมะม่วงตำบลบุฮมเป็นผลไม้ที่ส่งออกมากที่สุดในภาคอีสาน สร้างรายได้ให้ตำบลบุฮมกว่า 200 ล้านบาทต่อปี
เนื่องจากสภาพดินบนเขาห้วยยอดกกทองเป็นภูเขาไฟเก่า จึงทำให้สภาพดินอุดมสมบูรณ์ ประกอบกับอากาศเย็นตลอดทั้งปี จึงมีผลไม้ทุกชนิด ไม่ว่ามังคุด เงาะ ลองกอง ผลไม้ปลูกขึ้นงอกงามดีทุกชนิด โดยปีนี้ทุเรียนพันธุ์คักเลยได้รับความนิยมสูงเนื่องจากเนื้ออร่อย แม้ผลผลิตออกมากและผลผลิตออกช้ากว่าที่อื่น ผลสุกประมาณต้นเดือนสิงหาคม
ทั้งนี้ บนเขาห้วยยอดกกทองมีเกษตรกรปลูกทุเรียนรายใหญ่ 4 ราย ปีนี้มีรายได้เฉพาะขายทุเรียนไม่น้อยกว่าล้านบาทแต่ละสวน เช่นกรณีสวนของนายปราโมทย์ พันจันทร์ ปลูก 10 ไร่ ผลผลิตออกมา 11 ตัน ขายเฉพาะหน้าสวนอย่างเดียวกิโลกรัมละ 100 บาท ก็มีรายได้ถึง 1 ล้านบาทแล้ว หรือแม้แต่เพิ่งปลูกผลผลิตออกปีแรกของนายคำฮู้ ไชยบุตร ปลูกแค่ 40 ต้น ผลผลิตออกมาถึง 3 ตัน ก็มีรายได้ถึง 3 แสนบาทแล้ว
