เชียงราย - พบศิลปินเชียงรายใช้ถ่านบรรจงวาดพระบรมสาทิสลักษณ์ในหลวง รัชกาลที่ ๙ ลงบนผืนผ้าใบขนาดยาวกว่า 20 เมตร เผยเสร็จไปแล้วกว่า 90% รอเพียงขอคำคมจากศิลปินแห่งชาติหลายแขนงเท่านั้น เตรียมนำจัดแสดงที่เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ ในวันที่ 6 ต.ค.นี้ ตลอด 1 เดือน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดเชียงรายว่า ขณะนี้ได้มีศิลปินชาวเชียงรายชื่ออาจารย์สุวิทย์ ใจป้อม ซึ่งเป็นจิตรกร ได้ใช้บ้านของตนซึ่งเป็นที่ตั้งของสุวิทย์ สตูดิโอ บ้านปางลาว ม.10 ต.บ้านดู่ อ.เมือง เป็นที่วาดพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวง รัชกาลที่ ๙ โดยการใช้เทคนิคพิเศษที่ไม่เหมือนศิลปินคนใดคือใช้ "ถ่านไม้" ในการวาดภาพลงบนผืนผ้าใบขนาดกว้าง 2.20 เมตร ยาวกว่า 20 เมตร จึงถือเป็นภาพที่มีขนาดใหญ่อย่างมาก
ปัจจุบันพระบรมสาทิสลักษณ์วาดเสร็จเกือบ 99% แล้ว โดยอาจารย์สุวิทย์นำถ่านไม้ที่ได้จากการเผามาทำเป็นแท่งเล็กๆ แล้วบรรจงวาดด้วยมือลงบนผืนผ้าใบสีขาวที่ขึงเอาไว้ภายในสตูดิโอจนกลายเป็นภาพที่มีความงดงามและละเอียดบรรจงเป็นที่ตื่นตะลึงแก่ผู้พบเห็น เพราะตามปกติศิลปินจะใช้สีอะคริลิกหรือสีน้ำมัน แต่สำหรับอาจารย์สุวิทย์กลับใช้ถ่านไม้ โดยบางจังหวะที่ทำการวาดก็จะใช้มือถูๆ เพื่อให้ผงถ่านกลมกลืนและละเอียดไปกับผืนผ้าใบได้อย่างลงตัวด้วย
อาจารย์สุวิทย์กล่าวว่า ตนเป็นผู้ที่ชอบวาดภาพมาตั้งแต่เด็ก กระทั่งเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาก็ได้เริ่มเขียนพระบรมสาทิสลักษณ์ในหลวง รัชกาลที่ ๙ เพราะได้ยินเรื่องราวต่างๆ และได้รับคำแนะนำให้เขียนจากเหรียญและธนบัตร ซึ่งเมื่อตนเขียนได้ดีก็ได้นำไปประกวดในเวทีต่างๆ เรื่อยมา
กระทั่งเรียนจบการศึกษาและได้เป็นศิลปินอยู่ที่เชียงรายก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจ รวมถึงหลักปรัชญาที่พระองค์ทรงมอบให้ปวงชนชาวไทย ตนก็รู้สึกเคารพเทิดทูนและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างมาก จึงได้รวบรวมผลงานต่างๆ
ในอดีตพบว่าได้วาดพระบรมสาทิสลักษณ์ในหลวง รัชกาลที่ ๙ มาแล้วกว่า 500 ภาพ และภาพนี้ถือเป็นภาพที่ใช้ถ่านวาดที่ใหญ่ที่สุดและสวยที่สุดเท่าที่เคยวาดพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระองค์ท่านมา
อาจารย์สุวิทย์กล่าวอีกว่า ด้วยเหตุนี้ เนื่องในเดือน ต.ค.ที่จะมาถึงนี้ตนจึงตั้งใจจะวาดพระบรมสาทิสลักษณ์ดังกล่าวเพื่อน้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัยเป็นครั้งสุดท้าย โดยใช้วัสดุที่มาจากธรรมชาติให้มากที่สุดนั่นคือถ่านไม้หรือใช้เทคนิคชาร์โคล เพราะถ่านมาจากธรรมชาติอย่างแท้จริง
จากนั้นได้ไปปรึกษาพระอาจารย์วุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี) ที่เป็นที่เคารพก็ได้แนะนำให้ใช้ชื่อภาพว่า "กว่าจะเป็นมหาราชา" รวมทั้งเมื่อเริ่มวาดก็ไปปรึกษาอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติชาวเชียงราย ก็ได้รับคำแนะนำด้วยว่าให้วาดภาพเป็น 2 ส่วนบนผ้าใบยาวดังกล่าว โดยหันส่วนของพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจเข้าหากันโดยแบ่งสัดส่วนและช่องไฟให้ลงตัว ซึ่งตนก็นำมาวาดเป็นภาพใบใหญ่ดังกล่าว
“ผมพยายามทดลองนำไม้ต่างๆ มาเผา เช่น ต้นหญ้าสาบเสือ ยางพารา ต้นพริก องุ่น ฯลฯ ปรากฏว่าไม้ที่นำมาเผาแล้วนำมาวาดภาพได้ดีที่สุดโดยมีความแข็งและให้เนื้อที่ละเอียดคือต้นพริกและไม้องุ่น และโชคดีที่ผมได้มีโอกาสรู้จักกับอาจารย์ชัยทวี บุปผา อาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย ที่ท่านศึกษาวิจัยเรื่องการใช้ประโยชน์จากถ่านไม้พอดี เมื่อแจ้งเรื่องนี้กับท่าน ท่านเห็นเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเทิดทูนในหลวงก็ยิ่งส่งถ่านไม้มาให้อย่างเพียงพอต่อการวาดพระบรมสาทิสลักษณ์นี้ในที่สุด” อาจารย์สุวิทย์กล่าว และว่า
ตนใช้เวลาในการวาดพระบรมสาทิสลักษณ์นี้มาแล้วประมาณ 2 เดือน และได้จัดทำนั่งร้านสำหรับนำภาพไปจัดแสดงที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ ในวันที่ 6 ต.ค.นี้ ตลอด 1 เดือน โดยทางอาจารย์ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี ศิลปินแห่งชาติอีกท่าน จะมาเป่าขลุ่ยเพื่อร่วมเทิดพระเกียรติในวันเปิดตัวดังกล่าวด้วย
ศิลปินชาวเชียงรายกล่าวด้วยว่า ปัจจุบันสิ่งที่ยังต้องทำอีกคือวาดในส่วนที่เหลืออีกเล็กน้อยและขอคำคมจากพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี อาจารย์ธนิสร์ อาจารย์เฉลิมชัย รวมทั้งกำลังประสานอาจารย์เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ อีกท่านหนึ่งด้วย
จากนั้นจะพ่นน้ำยาให้ผงคาร์บอนติดกับผ้าใบและเคลือบน้ำยาและลูกกลิ้งเคลือบเป็นอันแล้วเสร็จ ซึ่งจากประสบการณ์พบว่าภาพลักษณะนี้สามารถตั้งในที่โล่งกลางแสงแดดได้นานถึง 3 เดือนและเก็บไว้ในที่ร่มได้ตลอดยาวนาน ซึ่งตนก็ฝันอยากให้มีการนำไปตั้งไว้ในสถานที่ที่เหมาะสมเพื่อให้ปวงชนชาวไทยได้ร่วมกันรำลึกถึงพระองค์และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างยั่งยืนต่อไป
