ศูนย์ข่าวขอนแก่น - “พงสะหวัน” กรุ๊ป กลุ่มทุน สปป.ลาวดึงบริษัทที่ปรึกษาสิงคโปร์ศึกษาความเป็นไปได้แผนเปิดเขตนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่ใหญ่ที่สุดในเวียงจันทน์ บนเนื้อที่กว่า 8,500 ไร่ คาด เม.ย. 61 แล้วเสร็จ พร้อมเปิดรับการลงทุนจากนานาชาติในอุตสาหกรรมไร้มลพิษ และมุ่งสร้างเมืองใหม่ใกล้สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 ขณะที่นักลงทุนไทย-เทศสนใจร่วมลงทุนคับคั่ง
เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ห้องประชุมโรงแรมดอนจัน พาเลส นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) มีพิธีลงนามสัญญาความร่วมมือระหว่างกลุ่มบริษัทพงสะหวัน จำกัด สปป.ลาว กับบริษัทที่ปรึกษา สุบานา จูลอง จำกัด และบริษัท แม่โขงกรุ๊ป จำกัด จากสาธารณรัฐสิงคโปร์ เพื่อสำรวจออกแบบและศึกษาความเป็นไปได้การพัฒนาโครงการต่างๆ ในเขตนิคมอุตสาหกรรม หลัก 21 นครหลวงเวียงจันทน์
เบื้องต้นได้กำหนดแนวทางการศึกษาออกแบบการใช้พื้นที่ระยะที่ 1 ไว้ที่ 300 เฮกตาร์ หรือประมาณ 1,800 ไร่ โดยการบริหารจัดการของ กลุ่มบริษัท พงสะหวัน กรุ๊ป และอีก 1,000 เฮกตาร์ จะเป็นการดำเนินการแบบร่วมทุนกับภาครัฐบาล หรือพีพีพี โดยขณะนี้จะเป็นการเร่งดำเนินการในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งสาธารณูปโภคต่างๆ ให้แล้วเสร็จตามที่รัฐบาลได้กำหนดไว้
ทั้งนี้ มีนักลงทุนทั้งจากประเทศไทยและนานาประเทศลงพื้นที่ศึกษาข้อมูลและดูผังเมืองในเขตนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่ของ สปป.ลาว ที่เมืองไชยเชษฐา นครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ภายหลังจากที่รัฐบาลแห่ง สปป.ลาว ได้พิจารณาอนุมัติที่ดินรวม 1,300 เฮกตาร์ หรือประมาณ 8,500 ไร่ ให้กับกลุ่มบริษัท พงสะหวัน กรุ๊ป สปป.ลาว เป็นผู้บริหารจัดการพื้นที่ ซึ่งถือเป็นพื้นที่เขตนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่ที่รัฐบาล แห่ง สปป.ลาว ส่งเสริมและสนับสนุนให้กลุ่มนักธุรกิจภายในประเทศ และจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในสัดส่วนเพิ่มขึ้น
นายสมบูน พงสะหวัน ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท พงสะหวัน กรุ๊ป สปป.ลาว กล่าวว่า เขตนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่ของนครหลวงเวียงจันทน์มีทำเลที่เหมาะสมต่อการลงทุนและการค้ามาก เนื่องจากตั้งอยู่ห่างจากสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 ประมาณ 10 กิโลเมตร ตั้งอยู่ริมถนน 450 ปี ซึ่งเป็นเส้นทางเศรษฐกิจสายสำคัญของ สปป.ลาว ที่เชื่อมกลุ่มจังหวัดภาคกลางและภาคใต้ เชื่อมต่อกับนครหลวงเวียงจันทน์ ได้สะดวก
บริษัทฯ ได้ประสานความร่วมมือกับ บริษัท สุบานา จูลอง จำกัด ประเทศสิงคโปร์ และกลุ่มบริษัท แม่โขง กรุ๊ป ให้เข้ามาศึกษาออกแบบและสำรวจพื้นที่ดังกล่าวทั้งหมด โดยกำหนดแนวทางการศึกษาและการออกแบบพื้นที่เขตนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่ของ สปป.ลาว ให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน และเดือนที่ 7 จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างทันที เท่ากับว่าภายในเดือนเมษายน 2561 นี้เขตนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่พร้อมที่จะรองรับนักลงทุนเข้ามาลงทุนที่ สปป.ลาวได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“วางกรอบให้เป็นเขตนิคมอุตสาหกรรมที่ปลอดมลพิษ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ทั้งโรงแรมที่พัก, หอพักพนักงาน, โรงพยาบาล, โรงเรียน, มหาวิทยาลัย, สถานีตำรวจ, การให้บริการทางภาษีและศุลกากร, รับการลงทุนของบริษัทในเครือ และรับโครงการลงทุนจากต่างประเทศที่สนใจลงทุนใน สปป.ลาว โดยเฉพาะกลุ่มนักธุรกิจจากไทย แสดงเจตจำนงและให้ความสนใจร่วมลงทุนในเขตนิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้แล้ว” นายสมบูนกล่าว และว่า
โดยเฉพาะโรงงานผลิตรองเท้าแบรนด์ชั้นนำระดับโลก, ร้านอาหารและกลุ่มธุรกิจโรงแรม โดยนักลงทุนจากไทย ยังมีสัดส่วนการลงทุนใน สปป.ลาว เป็นอันดับที่ 2 รองจากประเทศจีน ทั้งนี้ นิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้พร้อมที่จะให้การสนับสนุนทั้งเรื่องของการยกเว้นภาษี และสิทธิพิเศษด้านต่างๆ ตามที่รัฐบาลแห่ง สปป.ลาวกำหนดไว้ทั้งหมด
สำหรับเขตนิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้ดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลแห่ง สปป.ลาว เพื่อลบล้างความยากจนของคนในประเทศให้ได้ภายในปี 2020 และเป้าหมายนำพาประเทศลาวหลุดพ้นจากประเทศด้อยพัฒนาให้ได้ในปี 2030