ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผวาทั้งซอย! คนงานชุ่ยรื้ออาคารโรงแรมดังย่านพัทยาใต้ ที่ก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต ทำส่วนผนังคอนกรีตอาคารชั้นบนที่รื้อถอนถล่ม เศษอิฐ เศษปูนจำนวนมากหล่นใส่ทรัพย์สินชาวบ้านเสียหาย ตำรวจรุดตรวจสอบ พร้อมสั่งปิดกั้นถนนสาธารณะหวั่นอุบัติเหตุ พร้อมเตรียมเรียกตัวดำเนินคดีกระทำการโดยประมาททำให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย
ตามที่เมืองพัทยา ได้ว่าจ้างบริษัทผู้รับเหมาเข้าทำการรื้อถอนอาคารสถานประกอบการโรงแรมขนาดใหญ่ “บูติค โฮเต็ล” ภายในซอยวีซีพัทยาใต้ ม.10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ที่มีการต่อเติมโดยไม่ได้รับอนุญาต ตามที่เสนอข่าวอย่างต่อเนื่องนั้น
ล่าสุด วันนี้ (2 ก.ย.) ประชาชนภายในซอยดังกล่าวร้องเรียนมายังผู้สื่อข่าวว่า ได้เกิดเหตุผนังอาคารส่วนบนสูงประมาณ 7-8 ชั้น ที่มีคนงานเข้ามาทำการรื้อถอนอาคารดังกล่าว ปรากฏว่า ผนังอาคารที่ถูกทุบทำลายกลับมีพื้นผนังอาคารบางส่วน และเศษอิฐและเศษปูนจำนวนมากร่วงหล่นลงมาด้านล่าง ทำให้รั้วสังกะสี และหลังคา บ.นำเที่ยวที่อยู่ใกล้เคียงกันรวม รวมทั้งรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า สีแดง-ดำ ทะเบียน 1 กก 1335 จังหวัดสุรินทร์ ได้รับความเสียหาย รวมถึงบริเวณกลางถนนสาธารณะที่อยู่ติดกับแนวอาคาร ซึ่งโชคดีที่ไม่มีประชาชน และนักท่องเที่ยวสัญจรผ่านไปมาจึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุดังกล่าว
ทั้งนี้ น.ส.พัชราพร แขมคำ อายุ 23 ปี ซึ่งเป็นนักศึกษาที่อาศัยอยู่บริเวณดังกล่าวยืนรอให้การต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ขณะนอนหลับอยู่ในที่พักก็ได้ยินเสียงดังจากนอกบ้านซึ่งอยู่ตรงข้ามอาคารดังกล่าว เมื่อลงมาตรวจดูก็พบว่า หลังคาร้าน และที่กลางถนนที่เศษผนังปูนซีเมนต์ เศษอิฐ เศษหินตกอยู่กลางถนน ขณะที่รถที่จอดไว้ฝั่งตรงข้ามที่พักก็ถูกหินหล่นทับได้รับความเสียหาย ซึ่งต่อมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา และเจ้าหน้าที่จากเมืองพัทยา ได้เดินทางมาตรวจสอบ และให้เจรจาตกลงค่าเสียหายกับตัวแทนของบริษัทผู้รับเหมาที่เข้ามาดำเนินการรื้อถอน ก่อนสรุปว่า จะชดใช้ค่าเสียหายให้โดยมีเจ้าหน้าที่เป็นพยาน จากนั้นจึงนำรถไปซ่อมแล้วจะนำบิลมาเรียกเก็บค่าเสียหายอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นเพื่อความปลอดภัยทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดกั้นถนนภายในซอยดังกล่าวช่วงบริเวณของแนวอาคารระยะทางประมาณ 50 เมตร เพราะเกรงว่าประชาชนที่สัญจรผ่านไปมาอาจเกิดอันตราย
ด้าน พ.ต.อ.อภิชัย กรอบเพชร ผกก.สภ.พัทยา เปิดเผยว่า กรณีนี้ถือเป็นความประมาท แต่โชคดีที่ไม่มีผู้ใดเสียชีวิต หรือได้รับบาดเจ็บ แต่เมื่อมีทรัพย์สินเสียหาย และเหตุเกิดบนถนนสาธารณะก็คงต้องดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งกรณีนี้ผิดตามประมวลกฎหมายอาญาในมาตรา 389 ซึ่งเป็น “ลหุโทษ” ที่กระทำการประมาททำให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย หรือสร้างความเดือดร้อนรำคาญ ที่จะมีโทษจำคุก 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท โดยจะได้เรียกตัวผู้รับผิดชอบมาแจ้งเพื่อดำเนินคดีต่อไป ขณะที่กรณีของผู้เสียหายหากตกลงกันได้ก็คงเป็นเรื่องที่สามารถไกล่เกลี่ยกันได้ แต่หากตกลงกันไม่ได้ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายต่อไป