เชียงราย - ชาวเชียงรายและชาวพม่าแห่เข้าซื้อสินค้าในงานมหกรรมการค้าชายแดนแม่สายอย่างล้นหลาม หอการค้าเชียงรายเตรียมเสนอขอจัดปีละ 2 ครั้ง แต่ต้องเปลี่ยนเป็นช่วงฤดูหนาวแทนเพื่อหนีฝนและโคลน
วันนี้ (28 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการจัดงานมหกรรมการค้าชายแดนแม่สาย และมหกรรมธงฟ้าประชารัฐขับเคลื่อนเศรษฐกิจแม่สาย บริเวณลานหลังโรงแรมแม่โขง เดลต้า บูติก อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยมีกำหนดจัดงานตั้งแต่วันที่ 25-29 ส.ค.นี้นั้น พบว่ามีผู้บริโภคโดยเฉพาะจากฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า พากันเดินทางข้ามสะพานมิตรภาพลำน้ำสายไทย-พม่า แห่งที่ 1 มาหาซื้อสินค้าและสั่งซื้อสินค้ากลับไปเป็นจำนวนมหาศาล เพราะเป็นการค้าปลีกที่นำสินค้าราคาถูกจากผู้ผลิตโดยตรงและมีความหลากหลายไปวางจำหน่ายเป็นจำนวนมากกว่า 200 ร้านภายในโดมปรับอากาศขนาดใหญ่
น.ส.ผกายมาศ เวียร์ร่า รองประธานหอการค้า จ.เชียงราย และประธานหอการค้า อ.แม่สาย กล่าวว่า การจัดงานปีนี้ถือเป็นครั้งแรกของพื้นที่ชายแดนแห่งนี้ซึ่งพบว่าประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย โดยมีผู้บริโภคทั้งชาวไทยและประเทศเพื่อนบ้านเดินทางเข้าไปชมงานและหาซื้อสินค้าอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะจาก 4 เมืองใหญ่ของพม่า คือจาก จ.ท่าขี้เหล็ก เชียงตุง ตองจี มูเซ-น้ำคำ ซึ่งล้วนเป็นเมืองใหญ่หลักๆ ที่นำเข้าสินค้าจากประเทศไทยเป็นประจำอยู่แล้ว โดยสินค้าที่ขายดีมากยังคงเป็นสินค้าอุปโภคบริโภค เช่น น้ำมันพืช น้ำตาลทราย ฯลฯ
น.ส.ผกายมาศกล่าวอีกว่า จากการทะลักเข้าไปหาซื้อสินค้าดังกล่าวถือได้ว่าช่วยฟื้นคืนเศรษฐกิจของชายแดนด้าน อ.แม่สาย ที่ประสบภัยจากเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อช่วงกลางเดือน ส.ค.ที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดี เพราะมีชาวพม่าและประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ ข้ามเข้ามาหาซื้อสินค้าวันละกว่า 2,000-3,000 คน ทำให้มีเงินสะพัดในพื้นที่วันละอย่างต่ำกว่า 10 ล้านบาท จึงช่วยให้ผู้ค้าขายในพื้นที่ลืมตาอ้าปากได้บ้างหลังจากประสบกับปัญหาการค้าชายแดนที่ฝืดเคืองและยังเจอกับปัญหาน้ำท่วมดังกล่าวอีก ดังนั้นจึงมีแผนจะนำเสนอให้มีการจัดงานนี้ขึ้นอีกปีละอย่างน้อย 2 ครั้ง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจชายแดนแห่งนี้อย่างต่อเนื่องต่อไป
รองประธานหอการค้า จ.เชียงรายกล่าวด้วยว่า ในการจัดงานปีนี้เป็นการจัดครั้งแรก ทำให้เราไม่ทราบทางน้ำที่ไหลลงมาจากภูเขาในฤดูน้ำหลาก ทำให้วันนี้มีน้ำจากเทือกเขาดอยนางนอนทะลักลงมาจากภูเขาและเข้าท่วมบริเวณโดมที่วางสินค้าจัดงานอย่างหนัก ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายทั้งทหาร ฉก.ม.3 กองกำลังผาเมือง ฝ่ายปกครอง เทศบาล หน่วยกู้ภัย ฯลฯ ต่างระดมกำลังกันช่วยขนของขึ้นไปไว้ที่สูง
ดังนั้น หากมีการจัดงานครั้งต่อไปคงจะจัดช่วงฤดูร้อนหรือฤดูหนาวตั้งแต่เดือน ธ.ค.-ก.พ. เพราะไม่มีปัญหาน้ำหลากซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี โดยคงจะจัดที่เดิมเพราะมีความกว้างขวางสามารถจอดรถได้ถึง 500-600 คัน
นอกจากนี้ ภายในงานมีการจัดพบปะระหว่างผู้ประกอบการค้าไทย-พม่า หรือแมทชิ่งทางธุรกิจระหว่างนักธุรกิจไทยกับ 4 เมืองใหญ่ของพม่าดังกล่าว ทำให้มีการสั่งซื้อและขนสินค้าในลักษณะขายส่งเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก