เลย - พ่อเมืองเลยนำหน่วยงานรัฐและประชาชนร่วมพิธีบวชต้นเชียงใหญ่ขนาด 40 คนโอบ อายุเก่าแก่กว่า 200 ปี ที่ป่าตำบลชัยพฤกษ์ ใกล้แม่น้ำเลย หวังอนุรักษ์ไม้โบราณอันทรงคุณค่า สะท้อนความผูกพันของคนกับธรรมชาติ และความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติผ่านต้นไม้ใหญ่
วันนี้ (28 ส.ค. ) ที่ป่าสาธารณะบ้านนาบอน ตำบลชัยพฤกษ์ อำเภอเมือง จังหวัดเลย นายคุมพล บรรเทาทุกข์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย เดินทางเป็นประธานในพิธีบวชป่า บวชต้นเชียงใหญ่ ซึ่งเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่พิเศษ ขนาด 40 คนโอบ ต้นไม้โบราณเก่าแก่ อายุกว่า 200 ปี โดยมีชาวบ้านในหมู่บ้านนาบอน และประชาชนทั่วไปที่ทราบข่าวร่วมในพิธีบวชต้นไม้กว่า 500 คน
นายสัมฤทธิ์ สุภามา วัฒนธรรมจังหวัดเลย กล่าวว่า ด้วยกระทรวงวัฒนธรรมได้คัดสรรต้นไม้ใหญ่จากทั่วประเทศให้เหลือเพียงจำนวน 65 ต้น จากสถานที่ต่างๆ ทุกภูมิภาค โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญ 3 ประการ คือ ประการแรก เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ธ ผู้เปรียบดัง “ร่มโพธิ์ไทร” ของประชาชนชาวไทย เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 64 พรรษา 28 กรกฎาคม 2560
ประการต่อมา เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้เด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไปได้เล็งเห็นความสำคัญของต้นไม้และมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ฟื้นฟูและดูแลรักษาต้นไม้เหล่านี้ และประการสุดท้าย เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมของท้องถิ่นที่มีต้นไม้นั้นๆ ตั้งอยู่
ต้นเชียงใหญ่ ตำบลชัยพฤกษ์ จังหวัดเลย ได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 65 ต้นทั่วประเทศ ให้เป็นต้นไม้ที่ทรงคุณค่า นับเป็นการยกย่องเชิดชูเกียรติต้นเชียงใหญ่ที่ชุมชนช่วยกันอนุรักษ์ ต้นเชียงใหญ่ต้นนี้อยู่ในตระกูลต้นผึ้ง เป็นไม้เนื้ออ่อน ขนาดใหญ่ มีลำต้นสมบูรณ์ แผ่ปีกกว้างค้ำต้นตรง สูงตระหง่านแข็งแรง แผ่กิ่งก้านสาขา แตกใบเขียวชอุ่ม
นอกจากจะให้ความร่มรื่นแก่ผู้มาเยือนแล้ว ผึ้งหลวงยังได้มาอาศัยทำรังจำนวนมาก อยู่ตามกิ่งก้านบนยอดสูงในต้นนี้ด้วย อายุของต้นเชียงใหญ่นี้อยู่ระหว่าง 150-200 ปี ขนาด 40 คนโอบ เส้นรอบวง 22 เมตรโดยประมาณ นับเป็นต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดใจกลางชุมชนเทศบาลเมืองเลย และอยู่ใกล้แม่น้ำเลย เป็นมรดกทางธรรมชาติที่บอกเล่าเรื่องราวความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติในชุมชนได้เป็นอย่างดี
สำหรับต้นไม้ใหญ่จำนวน 65 ต้น (43 จังหวัด) ในสถานที่ต่างๆ จากทุกภูมิภาคของประเทศ ที่กระทรวงวัฒนธรรมคัดสรร สะท้อนถึงความผูกพันของคนกับธรรมชาติ วัฒนธรรมไทย ความเชื่อ ความศรัทธาของแต่ละท้องถิ่น ตลอดจนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน อันแสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติผ่านต้นไม้ในแต่ละภูมิภาค
ดังนั้นทุกคนในท้องถิ่นต้องสร้างความตระหนักถึงคุณค่าของมรดกทางธรรมชาติ และสร้างจิตสำนึกอนุรักษ์และหวงแหนทรัพยากรทางธรรมชาติเหล่านี้ ให้ลูกหลานในชุมชนให้ได้รู้คุณค่าและอนุรักษ์ไว้ให้ยั่งยืนเป็นมรดกของท้องถิ่น มรดกของแผ่นดิน สืบต่อไป
