เณรผงะ! พบศพหนุ่มใหญ่ อบจ.กรุงเก่า จมน้ำตาย

พระนครศรีอยุธยา - สามเณรเตรียมลั่นระฆังทำวัตรเย็นผงะ! พบศพลอยน้ำ วิ่งแจ้นบอกหลวงพี่ เป็นหนุ่มใหญ่อดีตกองช่าง อบจ.อยุธยา หายออกจากบ้านนาน 2 วัน พบอีกทีกลายเป็นศพ

ค่ำวันนี้ (25 ส.ค.) ร.ต.อ พิทยา ศรีเรือง รอง สว.สอบสวน สภ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งเหตุพบศพลอยน้ำภายในคลองวัดโตนด ด้านหลังวัดโตนด 1 บริเวณริมเขื่อนกำลังก่อสร้างใหม่ ม.3 ต.หันตรา อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา จึงไปตรวจสอบ พร้อมด้วยแพทย์เวรโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา และเจ้าหน้าที่สมาคมอยุธยารวมใจ

ที่เกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย สภาพนอนคว่ำหน้า สวมเสื้อเชิ้ตสีดำ กางเกงขายาวสีดำ ทราบชื่อต่อมาคือ นายชาญวิทย์ ส้มผิว อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 44/2 ม.3 ต.หันตรา อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ตรวจสอบตามร่างกายพบที่กระเป๋ากางเกงด้านซ้ายมีขวดเหล้าขาวเหน็บอยู่ เบื้องต้น ไม่พบบาดแผลใดๆ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2 วัน ซึ่งทางญาติ และเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เจ้าหน้าที่นำร่างผู้เสียชีวิตส่งชันสูตรโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เพื่อหาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง

ต่อมา ได้มี น.ส.ศิริทร แย้มอุทัย อายุ 41 ปี ซึ่งเป็นหลานสาว บ้านอยู่ติดกับผู้ตายได้เดินทางมาดูศพผู้เสียชีวิต โดยบอกว่า ผู้เสียชีวิตเคยทำงานที่ อบจ.พระนครศรีอยุธยา แผนกกองช่าง และเมื่อช่วง 1 ปี ได้ลาออกจากงานเนื่องจากร่างกายไม่ค่อยสู้ดีเพราะชอบดื่มสุรา และเมื่อเช้าวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ผู้ตายได้มาช่วยงานเก็บกระดูกศพที่วัดดังกล่าว ซึ่งเป็นคนในหมู่บ้าน โดยใช้เส้นทางริมคลองดังกล่าวเพื่อเดินทางจากบ้านไปวัด

และหลังจากนั้นก็ไม่ได้กลับบ้านอีกเลย บรรดาญาติได้ออกตามหาแต่ไม่พบ จนในช่วงเย็นวันนี้มีคนไปบอกว่า พบศพผู้เสียชีวิตลอยอยู่ในน้ำอยู่บริเวณจุดก่อสร้างเขื่อนกันน้ำวัดโตนด 1 จึงเดินทางดูแ ละยืนยันเป็นศพ นายชาญวิทย์ ญาติของตนเองที่หายไปนาน 2 วัน 1 คืน

สอบถามสามเณรศักดิ์ดา นวลวิไลอายุ 16 ปี ซึ่งเป็นสามเณรในวัดโตนด กล่าวว่า เมื่อช่วงเย็น เวลาประมาณ 6 โมงเย็น ตนเองได้มาเคาะระฆังเพื่อทำวัตรเย็น และได้ไปเห็นศพผู้เสียชีวิตลอยอยู่ในน้ำ จึงรีบวิ่งไปบอกพระลูกวัดเพื่อโทรศัพท์แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาทำการตรวจสอบดังกล่าว

ทางด้าน ร.ต.อ พิทยา รอง สว.สอบสวน เผยว่า หลังจากที่สอบถามญาติผู้เสียชีวิตจึงทราบว่า โดยปกติผู้เสียชีวิตเป็นคนชอบดื่มสุรา และช่วงหลังสุขภาพไม่ดีจึงลาออกจากงาน และชอบมาช่วยเหลืองานที่วัดอยู่เป็นประจำ โดยมีบ้านพักอยู่ข้างวัดซึ่งจะต้องใช้เส้นทางเดินเลียบคันคลองกลับบ้านเป็นประจำทุกวัน และคาดว่าคณะผู้เสียชีวิตเดินกลับบ้านนั้นอาจจะเสียหลักตกลงไปในน้ำแล้วเกิดเป็นตะคริวไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ จึงจมน้ำเสียชีวิตดังกล่าว