ศูนย์ข่าวศรีราชา - จับนายพลเรือตรีเก๊แต่งชุดพลเรือตรี อุ้มตู้บริจาค และซองผ้าป่าเรี่ยไรหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง อ้างมหากุศลจัดสร้างศาสนสถานแก่วัดต่างๆ บุกเข้าไปหากินถึงหน่วยงาน-บ้านพักของกองทัพเรือสัตหีบ ก่อนจนมุมเพราะติดเครื่องราชอิสริยาภรณ์ผิด
เมื่อเวลา 06.00 น.วันนี้ (21 ส.ค.) พล.ร.ท.นพดล สุภากร ผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ชโลธร เปรมปรี ผกก.สภ.สัตหีบ นาวาเอกประภาส สุดขาว ผู้อำนวยการกองยุทธการและข่าว นาวาเอกบุญมี แก้วสง่า ผู้อำนวยการ หมวดรักษาความสงบเรียบร้อย นาวาโทมาฆะพงศ์ ดาราพันธุ์ หัวหน้าฝ่ายข่าว กำลังชุดปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดฐานทัพเรือสัตหีบ ได้สนธิกำลังร่วมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สัตหีบ เข้าจับกุมตัว นายไพฑูรย์ แจ้งชื่น อายุ 63 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ ในข้อหาแต่งเครื่องแบบทหาร ใช้ยศเครื่องราชอิสริยาภรณ์โดยไม่มีสิทธิ และเรี่ยไรโดยไม่ได้รับอนุญาต
พร้อมยึดของกลางเป็นเครื่องแบบชุดกากีแขนสั้น ประดับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ และเครื่องหมายชั้นยศพลเรือตรี (สวมใส่อยู่) ตู้รับบริจาค 2 ตู้ ซองผ้าป่าสามัคคีจัดสร้างศาสนสถานของวัดชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัดนครราชสีมา และสมุทรปราการ รวม 27 ซอง เงินสด 1,270 บาท และรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า คัมรี่ สีขาว หมายเลขทะเบียน ฏป-3180 กรุงเทพมหานคร
พล.ร.ท.นพดล เผยว่า สืบเนื่องจากได้รับรายงานจากฝ่ายข่าวว่า พบผู้แต่งกายในชุดข้าราชการทหารเรือ ชั้นยศพลเรือตรี และแอบอ้างตัวเองเป็นรองผู้บัญชาการ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน นำตู้บริจาค และซองผ้าป่าเข้ามาเรี่ยรายไรเงินตามหน่วยงาน และบ้านพักกองทัพเรือในพื้นที่ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จึงเฝ้าติดตามพฤติกรรม กระทั่งพบข้อผิดสังเกตที่แน่ชัด คือ ติดเครื่องราชอิสริยาภรณ์ผิดประเภท จึงแสดงตัวเข้าจับกุม พร้อมนำตัวมาทำการสอบสวนยังศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ฐานทัพเรือสัตหีบ
เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปกปิดบิดเบือนสถานะชื่อจริงของตนเอง ประกอบกับหลักฐานป้ายชื่อ สมุดบัญชีธนาคาร เอกสารต่างๆ ตลอดจนข้อมูลการแสดงตัวต่อทางวัดล้วนใช้สถานะชื่อแสดงตัวตนที่ไม่เหมือนกัน จนกระทั่งสืบทราบตัวตนที่แน่ชัดจากทะเบียนราษฎร คือ นายไพฑูรย์ แจ้งชื่น ตรงกับบัตรประจำตัวประชาชนที่ตรวจพบ แต่ผู้ต้องหากลับอ้างว่าเป็นของฝาแฝด
อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหาได้ยอมปริปากถึงสาเหตุที่ต้องแอบอ้างตนว่าเพราะต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่วัดต่างๆ ในการนำไปแอบอ้างเรี่ยไรหาเงินใส่กระเป๋าตัวเอง โดยจะทำทีเข้าไปติดต่อกับทางวัด ขอเป็นประธานงานบุญจัดสร้างศาสนสถานต่างๆ และเมื่อวัดไหนหลงเชื่อก็จะออกหนังสือรับรองให้ จากนั้นก็จะนำไปใช้แอบอ้างในการเรี่ยไรหาเงิน โดยมีวัดที่ตกเป็นเหยื่อแล้วหลายแห่ง
