ศูนย์ข่าวศรีราชา - สภาเมืองพัทยา หวั่นกระแสมวลชนปัญหาพื้นที่พักขยะที่ใกล้หมดสัญญานี้ ฝ่ายบริหารเสนอญัตติก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายเกินกว่า 1 ปี ในงบกว่า 553 ล้านบาท เพื่อจ้างเอกชนรายใหม่เก็บขนขยะมูลฝอย และบริหารจัดการสถานีขนถ่าย เผยสุดท้ายยังคงใช้พื้นที่เดิมดำเนินการ ขณะที่ชาวบ้านตั้งความหวังเปลี่ยนแปลงสถานที่พักขยะใหม่ พร้อมปรับภูมิทัศน์
ผู้สื่อข่าวรายงานการประชุมสภา ที่ห้องประชุมสภาเมืองพัทยา จ.ชลบุรี พล.ต.ต.อนันต์ เจริญชาศรี นายกเมืองพัทยา ได้นำเสนอญัตติขอรับความเห็นชอบในการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายเกินกว่า 1 ปีงบประมาณ เพื่อทำสัญญาจ้างเหมาเอกชนเข้ามาดำเนินการจัดเก็บขนขยะมูลฝอย และบริหารจัดการสถานีขนถ่ายขยะมูลฝอยเป็นเวลา 4 ปี 11 เดือน ในช่วงระหว่างวันที่ 1 พ.ย.60-30 ก.ย.65 ในงบประมาณรวม 553.9 ล้านบาท
โดยกรณีดังกล่าวมีรายงานว่า ที่ผ่านมาเมืองพัทยาได้จ้างเหมาภาคเอกชนจัดเก็บขนขยะมูลฝอย และบริหารจัดการสถานีขนถ่ายขยะตามสัญญา 7 ปี ซึ่งจะหมดลงในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ จึงได้เร่งจัดทำขอบเขตดำเนินโครงการ หรือ TOR เพื่อสรรหาผู้รับเหมารายใหม่ที่มีความสามารถเข้ามาดำเนินการแทน เพียงแต่ปรับลดระยะเวลาการจ้างเหมาจาก 7 ปี เป็น 4 ปี 11 เดือน เพื่อไม่ให้อุปกรณ์ และวัสดุมีสภาพที่เสื่อมโทรม และชำรุดมากนัก
รวมทั้งการปรับ TOR บางส่วนเพื่อให้เกิดความเหมาะสม และประโยชน์สูงสุด โดยตามสัญญานี้จะยังคงมอบหมายให้ทางผู้รับเหมาจัดเก็บขยะในพื้นที่ 70% ของพื้นที่ ก่อนจะนำมารวมอีก 30% ที่เมืองพัทยาจัดเก็บ บริเวณสถานีพักถ่ายเพื่อรอการเก็บขนะบริเวณซอยสุขุมวิท 3 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ต่อไป
ด้าน นายโชฎึก โชติกำจร สมาชิกสภาเมืองพัทยา กล่าวอภิปรายในที่ประชุมว่า การจัดการปัญหาขยะมูลฝอยของเมืองพัทยา จะเน้นไปในเรื่องของการแก้ไขขอบเขตดำเนินโครงการ หรือ TOR เพียงอย่างเดียว แต่ไม่เคยมีการสอบถาม และชี้แจงให้ประชาชนได้รับฟังรายละเอียด รวมทั้งรูปแบบการบริหารจัดการ
โดยเฉพาะบริเวณสถานีพักขยะ หรือจุด Tranfer บริเวณซอยสุขุมวิท 3 ที่ใช้งานกันมานานกว่า 7 ปีนั้น พบว่า ที่ผ่านมาประชาชน รวมถึงพระสงฆ์องคเจ้าต้องทนต่อสภาพความเดือดร้อน และทนทุกข์ต่อปัญหามลพิษนานาชนิด ที่เป็นแบบนี้เพราะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่เข้าไปกำกับดูแลอย่างจริงจัง กลับปล่อยให้ภาคเอกชนดำเนินการกันไปตามอำเภอใจ จนสร้างผลกระทบมากมาย
และในสัญญาใหม่ก็ยังคงระบุว่า สถานียังอยู่ที่เดิมไม่ได้ย้ายไปไหน ซึ่งจนถึงขณะนี้เมืองพัทยาก็ยังไม่มีการเข้าไปพูดคุย ชี้แจง ประชาสัมพันธ์ และอธิบายรูปแบบการบริหารจัดการใดๆ ในอนาคตว่าจะไม่เกิดปัญหาขึ้นอีก หรือสร้างความเข้าใจถึงความจำเป็นที่ยังคงต้องใช้สถานที่นี้อยู่ ขณะที่ประชาชนเองก็รอความหวังว่าหลังหมดสัญญากับผู้รับเหมารายเก่า สถานที่แห่งนี้คงจะยกเลิกไปอย่างถาวร และมีการปรับสภาพภูมิทัศน์เพื่อให้เกิดความสวยงาม
ซึ่งกรณีนี้หากยังนิ่งนอนใจก็หวั่นว่าอาจจะเกิดปัญหามวลชนขึ้นได้ อย่างการปิดถนน หรือการปิดพื้นที่เพราะประชาชนคงรับไม่ไหวต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ที่สำคัญปัจจุบันปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่ทุกคนให้ความห่วงใย อีกทั้งขณะนี้ยังมีการเปิดศาลสิ่งแวดล้อมแล้ว ซึ่งหากยังปล่อยไปเช่นนี้ และมีการฟ้องร้องเกิดขึ้น ปัญหาขยะในพื้นที่เมืองพัทยาจะแก้ไขอย่างไรเมื่อไม่มีที่ขน ที่ทิ้ง และที่กำจัด
อย่างไรก็ตาม จากความจำเป็นที่ต้องทำการสรรหาผู้รับจ้างเข้ามาเก็บขนะขยะมูลฝอย และบริหารสถานีขนถ่าย หลังจากจะหมดสัญญาลงในเร็ววันนี้ ขณะที่ปริมาณขยะในพื้นที่เมืองพัทยามีปริมาณสูงขึ้นทุกวันกว่าวันละ 350-400 ตัน สุดท้ายในที่ประชุมสภาเมืองพัทยา จึงมีมติเห็นชอบตามข้อเสนอ แต่จะเป็นผลอย่างเป็นทางการหลังจากที่ร่างพิจารณารายจ่ายงบประมาณประจำปี 2561-2562 จะผ่านการลงนาม และความเห็นชอบจากผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรีต่อไป