ศูนย์ข่าวศรีราชา - สภาพัทยา ติงฝ่ายบริหารเพิ่มความรอบคอบชัดเจนการจัดทำ TOR จ้างผู้รับเหมาจัดเก็บขยะมูลฝอย 4 ปี 11 เดือน ในงบกว่า 553 ล้านบาท ระบุอาจล่อแหลมคล้ายการ “ล็อกสเปก” เอื้อผู้รับจ้าง หลังส่งรายงานเข้าพิจารณาในชั่วโมงสุดท้ายเพื่อพิจารณาก่อนหมดสัญญาตุลาคม 60 นี้ ทำให้ผู้รับจ้างรายใหม่ที่มีคุณภาพไม่มีโอกาสเตรียมความพร้อม ด้านฝ่ายบริหารแจงยอมรับเวลาจำกัด ส่วน TOR ล้อของเดิม เพียงปรับจุดอ่อน ข้อเสียเปรียบ สุดท้ายขอถอนญัตติเพื่อชี้แจงรายละเอียดอีกครั้ง ก่อนเสนอใหม่ 17 สิงหาคมนี้
ในการประชุมสภาเมืองพัทยา ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา จ.ชลบุรี วานนี้ (10 ส.ค.) มีการนำเสนอเรื่องด่วนจากฝ่ายบริหาร กรณีการขอรับความเห็นชอบการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณรายจ่ายเกินกว่า 1 ปีงบประมาณ เพื่อทำสัญญาจ้างเหมาเอกชนดำเนินการจัดเก็บขยะมูลฝอย และบริหารจัดการสถานีขนถ่ายขยะมูลฝอยเป็นระยะเวลา 4 ปี 11 เดือน โดยสำนักสิ่งแวดล้อมเมืองพัทยา ในงบประมาณร่วมกว่า 553 ล้านบาท
ด้าน นายสุธีร์ ทับหนองฮี ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม ระบุว่า ที่ผ่านมาเมืองพัทยาทำสัญญาผูกพันการเก็บขนขยะมูลฝอย และบริหารจัดการสถานีขนถ่ายคราวละ 7 ปี ซึ่งผู้รับเหมาจะรับผิดชอบพื้นที่จากพัทยาเหนือ กลาง และใต้ หรือรวมพื้นที่กว่า 70% แต่พบว่า เมื่อเข้าสู่ช่วงระยะเวลาของปีที่ 6-7 ปรากฏว่า อุปกรณ์ เครื่องมือ รวมทั้งรถจัดเก็บขยะมูลฝอยมีสภาพชำรุดอย่างมาก จึงทำให้ประสิทธิภาพลดลง เนื่องจากผู้รับจ้างเองก็ไม่อยากทำการบูรณะ หรือจัดซื้อใหม่ด้วยใกล้หมดสัญญา จึงมีแนวความคิดในการลดระยะเวลาการจ้างเหมาจาก 7 ปี ให้เหลือ 5 ปี เพื่อให้อุปกรณ์ทุกอย่างยังสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายธเนศ ศุภรสหัสรังสี สมาชิกสภาเมืองพัทยา กล่าวว่า สำหรับโครงการนี้ใช้งบประมาณเป็นจำนวนมาก จึงควรต้องมีการพิจารณากันอย่างรอบคอบในเรื่องรายละเอียดของข้อสัญญา แต่ปรากฏว่า ทางสำนักสิ่งแวดล้อมกลับส่งเอกสารเพื่อให้สภาเมืองพัทยาพิจารณาในวันประชุมเพื่อลงมติ จึงเห็นควรให้มีการชะลอเพื่อพิจารณานอกรอบก่อนขอมติอีกครั้ง
ขณะที่ นายชาคร กัญจนะวัตตะ สมาชิกสภาเมืองพัทยา กล่าวเสริมว่า การขอรับความเห็นชอบก่อหนี้ผูกพันด้วยงบหลายร้อยล้านบาท ปรากฏว่า ปัจจุบันยังหาข้อยุติไม่ได้ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อศูนย์พักถ่ายขยะบริเวณซอยสุขุมวิท 3 เนื่องจากประชาชนได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักว่าหลังหมดสัญญาในเดือนตุลาคมนี้ จะมีการย้ายออกไปหรือไม่ หรือจะเข้ามาทำการแก้ไขปรับปรุงใหม่ ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนใด
ส่วนกรณีของ TOR ที่กำหนดออกมานั้นมีหลายอย่างที่ดูไม่มีความเหมาะสม เช่น เรื่องของระยะ เวลาที่จำกัดจนทำให้ต้องเร่งรัดพิจารณา ที่สำคัญข้อกำหนดหลายอย่าง เช่น กรณีของการกำหนดปริมาณรถเก็บขยะ จำนวน 26 คัน อาจทำให้ผู้รับเหมารายอื่นที่มีคุณภาพจะหมดโอกาสในการประมูลงาน เนื่องจากคงไม่มีความสามารถในการต่อรถ หรือจัดหาวัสดุอุปกรณ์ตามข้อกำหนดได้ครบถ้วน จึงอาจให้สังคมมองว่า ไม่เป็นธรรม หรือเหมือนกับการ “ล็อกสเปก” จึงควรหาแนวทางจัดระบบริหารจัดการใหม่ อย่างการเลื่อนระยะเวลาของสัญญาผู้รับเหมารายเดิม เพื่อขยายเวลาให้ผู้รับจ้างรายใหม่ๆ มีโอกาสในการจัดเตรียมความพร้อม
ส่วน นายอนันต์ อังคณาวิศัลย์ ประธานสภาเมืองพัทยา กล่าวว่า ปัญหาขยะมูลฝอย สภาเมืองพัทยาชุดนี้ติดตามมาโดยตลอด เพราะมองว่าเป็นปัญหาใหญ่ และเคยมีการเตือนให้ฝ่ายบริหารหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดเตรียมความพร้อม โดยเฉพาะเรื่องขอสัญญา และ TOR ก่อนล่วงหน้านานกว่า 11 เดือนแล้ว แต่ปรากฏว่า สุดท้ายก็มาจัดทำแบบเร่งด่วน และเสนอเพื่อพิจารณาในเวลาจำกัด ขณะที่สมาชิกส่วนใหญ่ยังไม่ได้มีโอกาสศึกษาข้อมูล และรายละเอียดที่ชัดเจนแต่อย่างใด ซึ่งมองว่าเรื่องนี้น่าจะเกิดความเสียหายได้ ขณะที่ศูนย์พักถ่ายขยะเอง สภาก็มีการติดตามมาตลอด ซึ่งพบว่ามีปัญหามาก แม้ก่อนหน้านี้ จะมีคณะจากกระทรวงมหาดไทย เข้ามาดูงานก็มีการเก็บกวาดล้างอย่างสะอาด แต่หลังจากนั้นก็พบว่าปัญหายังคงเป็นเช่นเดิม ทั้งเรื่องของกลิ่น ขยะตกค้าง และน้ำเน่าเสีย ไม่มีทางระบาย
ด้าน พล.ต.ต.อนันต์ เจริญชาศรี นายกเมืองพัทยา ชี้แจงว่า เนื่องจากสัญญาการจ้างเหมาของเอกชนรายเดิมจะหมดลงในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ เมืองพัทยา ก็ต้องดำเนินการตามขั้นตอนตามกฎหมาย พร้อมเร่งรัดการจัดทำ TOR ให้แล้วเสร็จทันตามกำหนด ก่อนทำการประกาศ ประมูล และจัดซื้อ จัดจ้างตามขั้นตอน โดยข้อสัญญาเหล่านี้ส่วนใหญ่จะล้อมาจากแผนงานเดิมเพียงแต่มาทำการปรับปรุงจุดอ่อน และข้อเสียเปรียบ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่สังคม และลดปัญหาขยะมูลฝอยอย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ดี การทำงานทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน และเพื่อส่วนรวม แต่เมื่อสภาเมืองพัทยาอยากรับทราบรายละเอียดก็จะขอถอนญัตติไปก่อน และมีการประชุมนอกรอบวันที่ 17 สิงหาคมนี้ เพื่อพิจารณาอีกครั้ง ก่อนนำเสนอต่อสภาเมืองพัทยาเพิอพิจารณาต่อไป