ฉะเชิงเทรา - ตำรวจแปลงยาว เตรียมเรียกหนุ่มตีนผีซิ่งกระบะขยี้ 3 ศพ มาแจ้งข้อกล่าวหา พร้อมเตรียมเอาผิดผู้ควบคุมงานก่อสร้างทางที่ไม่ติดตั้งสัญญาณเตือนอันตรายเขตการก่อสร้าง ทำให้มีอุบัติเหตุเกิดซ้ำซ้อนหลายราย
จากกรณีรถยนต์กระบะ ขับมาด้วยความเร็ว และพุ่งเข้าชนอาสาสมัครกู้ภัย และพลเมืองดี รวมทั้งสิ้น 3 ศพ ขณะกำลังให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บอยู่กลางถนน จากอุบัติเหตุซ้ำซ้อนต่อเนื่องกันหลายราย
ล่าสุด วันนี้ (11 ส.ค.) ร.ต.อ.สมัย สุดาชาติ รองสารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรแปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี กล่าวถึงความคืบหน้าในการสอบสวนดำเนินคดีต่อคนขับรถยนต์กระบะ ที่ขับรถด้วยความประมาทแซงซ้าย และหักหลบเข้าเลนขวาจนเข้าไปพุ่งชนอาสาสมัครกู้ภัย และพลเมืองดีที่กำลังให้การช่วยเหลือคนเจ็บอยู่กลางถนน จากอุบัติเหตุซ้ำซ้อนต่อเนื่องกันหลายราย บริเวณการนิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ ซิตี้ กำลังซ่อมแซมราดยางพื้นผิวจราจรภายในนิคมฯ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 3 ราย
โดยวันเกิดเหตุ (7 ส.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสอบสวน นายภูเบศร ใยไธสงค์ อายุ 33 ปี คนขับรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ แบบแค็บ สีขาว หมายเลขทะเบียน 1 ฒบ 8059 กทม. มาสอบสวนในฐานะพยานเอาไว้แล้ว และได้นำตัวพาไปตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย ซึ่งพบว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้ คือ 63 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งผู้ต้องหาได้ยอมรับสารภาพว่า ได้ดื่มเบียร์มาก่อนที่จะรีบขับรถเพื่อไปรับแฟนจากโรงงานภายในนิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้กลับบ้าน
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่เตรียมแจ้งข้อกล่าวหาคนขับรถกระบะว่า “ขับรถโดยประมาทจนเป็นเหตุทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย” ส่วนข้อหาที่สอง “ขับรถโดยประมาทจนทำให้ทรัพย์สินของผู้อื่นได้รับความเสียหาย” และข้อหาที่สาม คือ “เมาแล้วขับ” แต่ขณะนี้ทราบว่า ผู้ต้องหากำลังอยู่ระหว่างการบวชหน้าไฟให้แก่ผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย จึงยังจะไม่ได้เรียกมาทำการแจ้งข้อกล่าวหา แต่อาจจะเรียกมาแจ้งข้อหาในเร็วๆ นี้
ส่วนทางด้านนิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ ซิตี้ นั้น ได้เรียกให้ทางบริษัท เอ็มดีเอ็กซ์ จำกัด (มหาชน) เจ้าของ และผู้ดูแลนิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้ มาทำการสอบสวนในฐานะพยานเอาไว้แล้ว และยังอยู่ระหว่างขั้นตอนในการออกหมายเรียกให้ทางโฟร์แมน ผู้ควบคุมการก่อสร้างซ่อมแซมเส้นทางให้มารับทราบข้อกล่าวหา ในข้อหา “กระทำการโดยประมาทจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย” ส่วนด้านการนิคมฯ เจ้าของพื้นที่จะมีความผิดด้วยหรือไม่นั้นจะต้องดูพยานหลักฐานในการว่าจ้างอีกครั้งหนึ่งว่า จะมีส่วนในความประมาทร่วมในครั้งนี้ด้วยหรือไม่
สำหรับหลักฐานในที่เกิดเหตุนั้น เป็นภาพถ่ายที่สภาพพื้นผิวถนนมีการก่อสร้างเทพื้นราดยางจนเป็นทางต่างระดับ และมีร่องรอยของการเกิดอุบัติเหตุ โดยในวันเกิดเหตุนั้น สถานที่ทำการก่อสร้าง และราดยางพื้นผิวจราจรนั้นไม่มีป้ายสัญญาณไฟเตือน หรือมีการวางกรวยยางเป็นแนวกั้น เพื่อบ่งบอกถึงเขตก่อสร้าง หรือเขตอันตรายให้แก่ผู้ให้เส้นทางทราบแต่อย่างใดเลย
นอกจากนั้น สภาพพื้นที่ในบริเวณนั้นยังค่อนข้างมืดมาก จึงทำให้ผู้ใช้เส้นทางมองไม่เห็นพื้นผิวการจราจรที่ต่างระดับกัน จนเป็นเหตุทำให้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นซ้ำซ้อน และเกิดขึ้นก่อนหน้ามาแล้วถึง 4 ราย ซึ่งรายสุดท้ายเป็นรายที่ 5 จนมีรถยนต์กระบะพุ่งเข้ามาชนซ้ำเป็นคันที่ 6 จากความประมาทของโฟร์แมนก่อสร้างซ่อมแซมเส้นทางดังกล่าว