นครปฐม - ภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ทำบุญอาคารเพื่อปลูกขวัญกำลังใจให้นักศึกษา และสวดมนต์ส่งพลังจิตให้น้องโฉ สู้วิกฤต ขณะสัญญาณชีพลดลงต่อเนื่อง เพื่อนนักศึกษาเดินรับบริจาคส่งเงินช่วยเหลือครอบครัว ส่วนมือยิงแม่ทำเรื่องลาออกให้ลูกชาย ยอมรับไม่สามารถกลับมาเรียนร่วมกับเพื่อนได้แล้ว
วันนี้ (9 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น. ดร.มนูญ จันทร์สมบูรณ์ ประธานภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ พร้อมด้วยคณะอาจารย์ จัดพิธีทำบุญเลี้ยงพระ เพื่อเสริมมงคล และเรียกขวัญให้นักศึกษา หลังจากเกิดเหตุ นายณัฐวุฒิ สิงห์ศร อายุ 20 ปี หรือน้องโฉ นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะมนุษยศาสตร์ เอกรัฐประศาสนศาสตร์ ที่ถูก นายอภิชาติ เสริมสิน หรือเทนนิส อายุ 19 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะวิทยาการจัดการ เอกคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ยิงด้วยปืนปากกาเข้าที่ศีรษะ อาการสาหัสเป็นตายเท่ากัน โดยมีผู้เข้าร่วมในงานกว่า 300 คน ที่ลานหน้าอาคาร เอ7 ภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม
ในพิธีได้นิมนต์พระสงฆ์จากวัดใหม่ปิ่นเกลียว จำนวน 9 รูป เพื่อสวดเจริญพระพุทธมนต์ เพื่อเป็นสิริมงคลให้แก่นักศึกษา และคณะอาจารย์ รวมถึงเจ้าหน้าที่เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการศึกษาและทำงานในสถานที่ดังกล่าวหลังจากเกิดเหตุไม่กี่วัน ก่อนจะมีการถวายเลี้ยงเพล และคณะอาจารย์ได้มีการนำการสวดมนต์ เป็นบทสวด โพชฌังคะปิริตตัง และบทสวดยันทุนนิมิตตัง รวมถึงบทอิติปิโส จำนวน 21 รอบ ให้แก่ น้องโฉ เพื่อเป็นการต่ออายุ และนั่งสงบจิต เพื่อส่งพลังไปให้ในช่วงนอนพักรักษาตัวที่ห้องผู้ป่วยหนัก โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม
จากนั้นได้นิมนต์พระประพรมน้ำมนต์ให้แก่ผู้เข้าร่วมงาน เพื่อสร้างกำลังใจก่อนจะมีการประพรมน้ำมนต์ทั้งอาคารทุกห้อง โดยรวมถึงห้องน้ำชั้น 5 ในจุดที่เกิดเหตุ เพื่อให้เกิดความไม่กังวลใจของนักศึกษา ก่อนจะจบพิธีการ
ดร.มนูญ จันทร์สมบูรณ์ ประธานภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ ได้กล่าวต่อนักศึกษาที่ได้เข้ามาร่วมภายในงาน ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุสุดวิสัย และหวังว่าจะเป็นเหตุการณ์สุดท้ายที่จะเกิดขึ้น โดยขอให้ทุกคนส่งพลังใจให้ถึงน้องโฉ และหากมีโอกาสก็สามารถเข้าไปเยี่ยมอาการป่วยได้ ซึ่งขอให้นักศึกษาที่รับฟัง
รวมทั้งฝากถึงสื่อมวลชนช่วยแจ้งข้อมูลที่ถูกต้อง หลังมีความเข้าใจผิดคิดว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องของการทะเลาะของรุ่นพี่และรุ่นน้อง จนเกิดการยิงกัน แต่ในความเป็นจริงคือ เหตุที่สุดวิสัย และยืนยันว่าทั้งคู่นั้นไม่ได้รู้จักกัน หรือขัดแย้งกันมาก่อน และขอให้ทุกคนมีกำลังใจในการศึกษาต่อไปด้วย
หลังจากเสร็จสิ้นพิธีทางสงฆ์ กลุ่มเพื่อนนักศึกษาของน้องโฉ ได้จัดทำกล่องรับบริจาค เพื่อให้เพื่อนนักศึกษาได้ร่วมกันเดินรับบริจาคเงินจากเพื่อนนักศึกษา ทั้งในคณะรัฐประศาสนาศาสตร์ และคณะอื่นๆ เพื่อหวังนำเงินไปให้การช่วยเหลือครอบครัวของน้องโฉ ในช่วงการรักษาตัวในช่วงนี้ด้วย
ด้าน ดร.จีรวรรณ นกเอี้ยงทอง อาจารย์สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ผู้ประสานงาน กล่าวว่า ตั้งแต่วันแรกได้รับการสั่งการจาก ผศ.สมเดช นิลพันธ์ อธิการบดี และ ดร.วิรัช ปิ่นแก้ว รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม ให้ติดตามอาการของน้องโฉ มาโดยตลอด
ทางมหาวิทยาลัยไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้ประสานการช่วยเหลือทุกอย่างที่เป็นประโยชน์ ซึ่งผู้สื่อข่าวที่ติดตามมาตั้งแต่วันแรกจะทราบดีเพราะอยู่ด้วยกันมาตลอด โดยทางคุณพ่อคุณแม่ อาจจะเป็นกังวลว่าจะไม่ได้รับการช่วยเหลือต่างๆ หรือคดีไม่คืบ ซึ่งทุกอย่างมีการประสานไว้หมดแล้ว โดยทำงานให้อยู่แต่ในช่วงนี้เป็นช่วงที่ต้องการให้พ่อกับแม่ได้ไปให้กำลังใจน้องโฉ ที่ยังนอนอาการสาหัสอย่างเต็มที่ก่อน เพราะเป็นช่วงวิกฤตจริงๆ
แต่ทุกเรื่องตนเองได้รวบรวมข้อมูลไว้หมดแล้ว แต่บางเรื่องก็ต้องพูดในเวลาที่เหมาะสม และไม่ให้กระทบความรู้สึก ส่วนเรื่องการช่วยเหลือต่างๆ ทั้งท่านอธิการบดี ท่านรองอธิการบดี ได้เดินตามระเบียบของสภามหาวิทยาลัย ส่วนกิจกรรมอื่นๆ ได้มีการจัดทำให้แล้วแน่นอน แต่การสื่อสาร อาจจะคลาดเคลื่อน แต่เรื่องการดำเนินการทุกเรื่องได้อยู่ที่ตัวเองทั้งหมด และมาดูนักศึกษา รวมถึงครอบครัวทุกวัน บางวันถึงตี 3 เพื่อคอยอำนวยความสะดวกทั้งหมด โดยผู้บริหารจะโทร.มาสอบถามเป็นระยะตลอดทั้งวันอยู่แล้ว
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อ 2 วันก่อน นางจันทร์ (นามสมมติ) มารดาของน้องเทนนิส ได้เดินทางมาที่มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม เพื่อยื่นเรื่องหนังสือลาออกให้แก่ น้องเทนนิส มือยิง โดยทางคณะผู้บริหารได้สอบถามถึงความมั่นใจในเรื่องดังกล่าว แต่ก็ได้รับการยืนยันว่า เพื่อความสบายใจของเพื่อนนักศึกษาทั้ง 2 ชั้นเรียน ให้เกิดความสบายใจ เพราะหากกลับมา กลุ่มเพื่อนของน้องโฉ ก็อาจจะไม่สบายใจ เพื่อนร่วมห้องของน้องเทนนิส ก็ไม่สบายใจ แม้อนาคตหากจะกลับมาก็ไม่สามารถเข้าร่วมศึกษาต่อกับเพื่อนๆ ได้ และยังต้องเข้าไปสู่กระบวนการทางศาล ทางคณะอาจารย์จึงยอมรับ และได้เซ็นยินยอม
ขณะตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ทั้ง นายเกรียงศักดิ์ นางซ่อนกลิ่น บิดา และมารดาของน้องโฉ ได้เข้าดูอาการของบุตรชาย และพบว่า มีอาการทรงตัวไม่ดี จึงได้แจ้งผ่านทางพยาบาลเพื่อเรียนต่อแพทย์ผู้ทำการรักษา เพื่อยินยอมให้มีการหยุดยาเร่งความดัน หลังจากเคยได้เซ็นยินยอมไปแล้วแต่ก็หวังมีปาฏิหาริย์ จึงได้ขอให้มีการให้ยาอย่างต่อเนื่อง
กระทั่งตั้งแต่กลางดึกที่ผ่านมา สัญญาณชีพของน้องโฉ นั้นมีการลดลงอย่างต่อเนื่องจาก 44 ครั้งต่อนาที ลงเหลือ 30 กว่าครั้งในช่วงบ่ายที่ผ่านมา ซึ่งทางครอบครัว และอาจารย์ได้มีการประสานงานกันโดยตลอด เพราะเป็นช่วงวิกฤตจริงๆ