xs
xsm
sm
md
lg

ป.ป.ส.นัดถกใหญ่นักวิชาการไทย-เทศแก้ปัญหายานรก ย้ำยุทธศาสตร์รัฐเร่งบำบัดผู้เสพ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ป.ป.ส.นัดถกใหญ่ นักวิชาการ-องค์กรเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ หวังเขย่าข้อมูลให้ก้าวทันเล่ห์แก๊งค้ายานรกที่พัฒนารูปแบบการค้าที่หลากหลายแยบยลมากขึ้น ย้ำยุทธศาสตร์ของรัฐบาล-ป.ป.ส.ยังจัดให้ผู้เสพเป็นผู้ป่วยที่ต้องเร่งบำบัด ขณะที่การป้องกันและปราบยาเสพติดให้ได้ผลทุกภาคส่วนต้องบูรณาการการทำงานร่วมกันใกล้ชิด

วันนี้ (2 ส.ค.) ที่โรงแรมพูลแมนราชาออคิด ขอนแก่น นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เป็นประธานเปิดการประชุมวิชาการสารเสพติดระดับชาติ ครั้งที่ 10 ซึ่งสำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับองค์กรเครือข่ายจัดขึ้น โดยมีนักวิชาการบุคลากรด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดจากทั้ง 26 หน่วยงานของไทยและจากกลุ่มประเทศอาเซียนเข้าร่วมกว่า 300 คน

นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการ ป.ป.ส. เปิดเผยว่า ภารกิจการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นสิ่งที่รัฐบาลกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ ที่ทุกหน่วยงานจะต้องบูรณาการการทำงานร่วมกันเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการดำเนินงาน ซึ่งตามยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลและ ป.ป.ส.กำหนดนั้นยังจัดให้ผู้เสพเป็นผู้ป่วยที่ต้องได้รับการบำบัด ผู้รับการบำบัดจะไม่เสียประวัติและไม่มีความผิด

“ที่ผ่านมามีผู้สมัครใจเข้ารับการบำบัดค่อนข้างมากและเข้าร่วมโครงการอย่างต่อเนื่องในหลายจังหวัด ขณะที่ด้านการป้องกันและปราบปรามยังคงเป็นไปตามแผนงานที่กำหนด ดูได้จากตัวเลขจับกุมของหน่วยงานที่รับผิดชอบมีออกมาทุกวัน” นายศิรินทร์ยากล่าว และว่า


ปัจจุบันมีหน่วยงานที่รับผิดชอบงานด้านยาเสพติดที่รัฐบาลได้กำหนดแนวตามแนวทางการทำงานแบบบูรณาการ แยกเป็น 24 หน่วยงานใน 8 กระทรวง และ 2 หน่วยงานที่ไม่สังกัดกระทรวง รวมแล้วมีหน่วยงานที่รับผิดชอบงานด้านยาเสพติดทั้งหมด 26 หน่วยงาน โดยรัฐบาลได้สนับสนุนงบประมาณในการดำเนินงานด้านยาเสพติดรวมประมาณ 8,000 ล้านบาท

โดยเฉพาะแนวทางการดำเนินงานในรูปแบบประชารัฐ ที่เน้นให้ประชาชนมีส่วนร่วม ร่วมกันคิด ร่วมกันทำ ร่วมกันแก้ไขปัญหา มีพื้นที่หมู่บ้านและชุมชนเข้มแข็งเกิดขึ้นในทุกจังหวัดทั่วทั้งประเทศรวมแล้วกว่า 8,000 หมู่บ้าน

นายศิรินทร์ยาระบุอีกว่า แผนการทำงานป้องกัน ปราบปรามและแก้ไขปัญหายาเสพติด สิ่งที่สำคัญคือการนำหลักวิชาการมาประยุกต์ใช้ รวมทั้งประสานการทำงานร่วมกับประเทศต่างๆ ในอาเซียนเพื่อให้เกิดเครือข่ายการเฝ้าระวังป้องกันปัญหาสารเสพติด ซึ่งในระยะหลังพบว่าขบวนการค้ายาเสพติดนั้นเปลี่ยนรูปแบบการค้าที่หลากหลาย

ดังนั้น การเปิดกว้างให้นักวิชาการทั้งในประเทศ ต่างประเทศมาร่วมกันแลกเปลี่ยนข้อมูล ความเห็น และร่วมกันวิเคราะห์สถานการณ์ จะช่วยให้รับทราบสถานการณ์การแพร่ระบาดที่เป็นปัจจุบันของเครือข่ายยาเสพติด และรูปแบบของสารเสพติดได้มากขึ้นและเท่าทันสถานการณ์


กำลังโหลดความคิดเห็น