ชัยภูมิ - พายุ “เซินกา” พ่นพิษหนัก ดิน “เขาพังเหย” ถล่มปิดตายอุโมงค์ทางรถไฟ อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ ทั้งสองด้านหนากว่า 100 เมตร ไม่สามารถเดินรถผ่านได้ คาดต้องใช้เวลาเคลียร์นานกว่า 2-3วัน ประกาศหยุดเดินรถสายอีสานเส้นทาง “หนองคาย-ชัยภูมิ-แก่งคอย-กรุงเทพฯ” เปลี่ยนไปใช้เส้นทาง “ชุมทางบัวใหญ่-นครราชสีมา-ชุมทางแก่งคอย” แทนอย่างไม่มีกำหนด
วันนี้ (27 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากอิทธิพลพายุเซินกาทำให้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องในหลายพื้นที่ของ จ.ชัยภูมิ โดยเฉพาะบริเวณบนเทือกเขาพังเหย อ.เทพสถิต ที่เกิดฝนตกหนักมาต่อเนื่องไม่หยุดตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา จนเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุดินโคลนจากเขาพังเหยถล่มลงมาปิดอุโมงค์ทางรถไฟ อยู่ห่างจากสถานีช่องสำราญ ต.วะตะแบก อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ ประมาณ 2 กิโลเมตร ซึ่งอุโมงค์รอดสันเขาพังเหยมีความยาวประมาณ 230 เมตร ถูกดินโคลนขนาดใหญ่ถล่มลงมาปิดปากทางเข้า-ออกอุโมงค์ทั้งสองด้าน มีความหนาเกือบ 100 เมตร
ทางการรถไฟฯ ได้ประกาศหยุดการเดินทางรถไฟสายอีสาน หนองคาย-ชัยภูมิ-แก่งคอย-กรุงเทพฯ มาตั้งแต่เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ทำให้การเดินรถไฟที่ใช้เส้นจาก จ.หนองคาย ผ่าน จ.ชัยภูมิ ที่ อ.จัตุรัส, อ.บำเหน็จณรงค์ และ อ.เทพสถิต ไปสิ้นสุดที่สถานีช่องสำราญ ต.วะตะแบก อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ ต้องงดการรับผู้โดยสารไม่มีกำหนด
พร้อมเร่งระดมเจ้าหน้าที่และเครื่องจักร รถแบ็กโฮ เข้าเปิดพื้นที่บริเวณที่ดินถล่มลงมาปิดเส้นทางรถไฟดังกล่าวมาต่อเนื่องตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาจนปัจจุบัน แต่ยังไม่สามารถเคลียร์เส้นทางได้ คาดว่าต้องหยุดเดินรถไฟผ่านเส้นทางจุดนี้ไปก่อนอย่างไม่มีกำหนดหากสถานการณ์ฝนตกในพื้นที่ยังไม่มีทีท่าจะหยุดตก เพราะต้องระดมเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบด้วย ซึ่งใช้เวลาอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 2 วันขึ้นไป
นายณัฐนิน กิ่งแก้ว สารวัตรแขวงบำรุงทางลำนารายณ์ ฝ่ายโยธาทางรถไฟ จ.ลพบุรี รับผิดชอบเขตเส้นทางเดินทางรถไฟสายนี้ทั้งหมด เปิดเผยว่า จากการสำรวจพื้นที่ความเสียหายเบื้องต้น ทรัพย์สินทางราชการไม่ได้รับความเสียหายมากนัก และโชคดีช่วงเกิดเหตุดินถล่มลงมาไม่มีรถไฟวิ่งผ่านรอดใต้อุโมงค์ จึงมีเพียงเสาสัญญาณไฟกะพริบปากทางเข้าออกอุโมงค์ทั้งสองด้านเสียหายจากการถูกดินโคลนถล่มลงมาทับ
ในส่วนของตัวอุโมงค์ที่มีความยาว 230 เมตร มีจุดของผนังภายในอุโมงค์ 2-3 จุด บริเวณก่อนถึงทางออกที่มีดินแตกทรุดลงมาและเสี่ยงต่อการเกิดอุโมงค์รอดทางรถไฟทั้งหมดจะถล่มลงมาได้ในช่วงนี้ จึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมากในการเข้าเคลียร์พื้นที่เปิดทางและนำดินที่ถล่มลงมาทั้งหมดออกจากเส้นทางรถไฟ
“คาดจากนี้ไปหากไม่มีฝนตกลงมาซ้ำและไม่มีดินโคลนที่ยังสไลด์ตัวลงมาต่อเนื่องเช่นที่เป็นอยู่ขณะนี้ น่าจะต้องใช้เวลาในการเปิดพื้นที่อย่างน้อย 48 ชั่วโมง หรือ 2 วันขึ้นไป” นายณัฐนินกล่าว
ทั้งนี้ ทางการรถไฟฯ ได้ออกประกาศแก้ปัญหาให้ผู้โดยสารสายหนองคาย-ชัยภูมิ-แก่งคอย-กรุงเทพฯ โดยต้องไปใช้เส้นทางอื่นแทน ระบุว่า เนื่องจากระดับดินที่สไลด์ลงมาปิดทับเส้นทางรถไฟนั้นมีระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลกระทบให้ขบวนรถในเส้นทางสายตะวันออกเฉียงเหนือ (สายหนองคาย-ชัยภูมิ-แก่งคอย-กรุงเทพฯ) ขบวนรถไม่สามารถเดินรถผ่านได้
การรถไฟฯ จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนเส้นทางการเดินรถสายหนองคายไปเดินในเส้นทางสายชุมทางบัวใหญ่-นครราชสีมา-ชุมทางแก่งคอย แทนเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร ทั้งนี้ เวลาในการเดินทางต้องใช้เวลาเพิ่มมากขึ้นและทำให้ล่าช้ากว่ากำหนดเวลาเดิม โดยมีขบวนรถดังนี้
1. ขบวนรถด่วนพิเศษ อีสานมรรคาที่ 25 (กรุงเทพฯ-หนองคาย) 2. ขบวนรถด่วนพิเศษ อีสานมรรคาที่ 26 (หนองคาย-กรุงเทพฯ) 3. ขบวนรถเร็วที่ 133 (กรุงเทพฯ-หนองคาย) 4. ขบวนรถเร็วที่ 134 (หนองคาย-กรุงเทพฯ) 5. ขบวนรถด่วนที่ 75 (กรุงเทพฯ-หนองคาย) 6. ขบวนรถด่วนที่ 76 (หนองคาย-กรุงเทพฯ)
ขณะนี้การรถไฟฯ ได้นำรถแบ็กโฮเข้าไปยังพื้นที่เกิดเหตุแล้ว พร้อมได้สั่งการให้ฝ่ายการช่างโยธาเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ดินสไลด์ลงมาปิดทับเส้นทางรถไฟ โดยขอให้พนักงาน เจ้าหน้าที่บำรุงทางตรวจทางและเฝ้าระวังตรวจสอบสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเพิ่มความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทางให้ผู้ใช้บริการรถไฟ โดยคาดการณ์ว่าจะสามารถเปิดทางเดินรถได้อีกประมาณ 2-3 วันขึ้นไป ซึ่งยังไม่สามารถกำหนดวันได้อย่างแน่นอนได้
สำหรับผู้โดยสารที่มีตั๋วโดยสารไปกับขบวนรถในวันดังกล่าว หากไม่ประสงค์ที่จะเดินทางสามารถคืนตั๋วโดยสารได้เต็มราคา หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร.สายด่วนลูกค้าสัมพันธ์ หมายเลข 1690