สุรินทร์ - ไม่ใช่ปอบหรือผีกระหัง แต่เป็นหัวขโมยชัดๆ เมื่อกล้องวงจรปิดภายในวัดดัง อ.ปราสาท สุรินทร์ บันทึกภาพหญิงสูงวัย อายุ 55-60 ปี แต่งเนียนสวมชุดไทยโบราณบุกเข้าขโมยเงินวัดกลางดึก ได้เงินไปประมาณ 3,600 บาท เจ้าอาวาสวัดแจ้งตำรวจมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมดูกล้องวงจรปิดเพื่อเร่งสืบหาคนร้ายหญิงสูงวัยมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
วันนี้ (19 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากพระสงฆ์ในวัดสว่างโสภณ บ้านหนองกระบือ ต.ตานี อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ว่า เวลาประมาณ 03.15-03.37 น.ของวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา กล้องวงจรปิดภายในวัดสว่างโสภณได้บันทึกภาพผู้หญิง ค่อนข้างสูงวัย อายุราว 55-60 ปี แต่งกายด้วยชุดไทยโบราณได้เดินเข้ามาในเขตบริเวณวัด ในขณะที่เจ้าอาวาสวัด พระครูสมุห์ โบรี และพระลูกวัดอีก 5 รูป พร้อมทั้งญาติโยม ได้จำวัด และนอนหลับอยู่ภายในกุฏิ
โดยภาพวิดีโอจากกล้องวงจรปิดพบว่าคนร้ายเป็นหญิงสูงวัย แต่งกายด้วยชุดไทยโบราณ เดินเข้ามาในบริเวณศาลาวัดหลังใหญ่ ซึ่งเป็นที่เก็บเงินและสิ่งของมีค่าที่ผู้มีจิตศรัทธานำมาถวาย มีประตูปิดล็อกไว้อย่างดี แต่หญิงสูงวัยคนนี้กลับเข้ามาในศาลาวัดได้ ส่วนด้านนอกศาลาวัดใต้ชายคาที่ทำไว้ด้านหน้าทางเข้ามีบาตรตั้งเรียงรายอยู่หลายใบและมีเงินทำบุญทั้งชนิดธนบัตรและเหรียญบรรจุภายในบาตรทุกใบ ส่วนทางเข้าศาลาวัดประตูทางเข้ามีช่อต้นเงินจำนวน 2 ต้น ที่ชาวบ้านนำเงินมาร่วมทำบุญเสียบไว้ รวมทั้ง 2 ต้นกว่า 3,000 บาท
หญิงสูงวัยคนดังกล่าวได้เดินวนเวียนไปมา 3 รอบและหันไปหยิบเอาเงินในบาตรเฉพาะชนิดธนบัตรไปจนเกลี้ยงเหลือไว้แต่เหรียญ และเท่านั้นยังไม่พอ ยังหยิบธนบัตรที่เสียบไว้ในต้นเงินทั้งซ้าย และขวา คงเหลือไว้แค่ต้นละ 20 บาท พร้อมหยิบตะกร้าหมากและกาแฟสำเร็จชนิดซองติดมือไปด้วย รวมเป็นเงินกว่า 3,600 บาท
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามมัคนายกวัด และชาวบ้านที่มาคอยบริการประชาชนที่มาทำบุญในวัดบอกว่า ในคืนดังกล่าว พระสงฆ์ สามเณร และมัคนายกได้นอนเฝ้าวัดในตัวศาลาใหญ่ซึ่งมีทรัพย์สินหลายรายการเป็นประจำทุกคืน แต่มาแปลกใจเมื่อตอนเช้าวันเกิดเหตุพอตื่นมาได้เดินสำรวจต้นเงินและเงินในบาตรที่ต้องตรวจทุกเช้า พบว่าต้นเงินที่เคยมีเงินเสียบไว้ได้หายไปจำนวนมาก เหลือเพียงต้นละ 20 บาท จึงรีบไปสำรวจดูที่บาตรที่ตั้งเรียงกันปรากฏว่าธนบัตรที่มีอยู่หายไปหมดเกลี้ยงเหลือไว้เพียงเหรียญ
จึงรีบไปแจ้งเจ้าอาวาสและไปตรวจสอบที่กล้องวงจรปิดภายในวัดจึงพบว่าถูกหญิงคนดังกล่าวได้เข้ามาขโมยทรัพย์สินไป จึงได้ให้ญาติโยมเข้าไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โชคนาสามมาตรวจสอบและลงบันทึกประจำวันเพื่อติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป