พระนครศรีอยุธยา - ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พิพากษาจำคุก นายเจนภพ วีรพร คนขับรถเบนซ์พุ่งชนท้ายรถฟอร์ด 5 ปี แต่จำเลยรับสารภาพเหลือโทษจำคุก 2 ปี 6 เดือน ไม่รอลงอาญา และเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่
วันนี้ (19 ก.ค.) ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นัดฟังคำพิพากษา กรณีที่พนักงานอัยการได้สั่งฟ้อง นายเจนภพ วีรพร ใน 7 ข้อหา โดยจำเลยยอมรับสารภาพเพียง 3 ข้อหา ประกอบด้วย ขับรถโดยประมาท ขับรถด้วยความเร็ว และขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย ส่วนอีก 4 ข้อหาที่เหลือ จำเลยให้การปฏิเสธ
จากการพิเคราะห์แล้วเห็นว่า พยานโจทก์ให้การขัดแย้งในเรื่องการเจาะเลือดจำเลยในวันเกิดเหตุ ไม่อาจฟังได้ว่า จำเลยมีความผิดในข้อหาเมาสุรา ภายหลังจากพนักงานสอบสวนส่งสำนวนให้ รพ.สมิติเวช ทำการเจาะเลือดเพื่อหาสารเสพติด ในสำนวนไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าสำนวนการสอบสวนทำขึ้นเมื่อใดจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงยกประโยชน์ให้จำเลย ส่วนความผิดในข้อหาขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด จากการพิเคราะห์พยานหลักฐานพบว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกในหลายมาตรา โดยศาลพิพากษาให้รับโทษสูงสุดจำคุก 5 ปี แต่จำเลยให้การรับสารภาพ คงเหลือจำคุก 2 ปี 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา และให้เพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ตลอดชีวิต
ด้าน นายวิเชียร ชุปไธสง ทนายความฮ้อแสงชัย ระบุว่า ขณะนี้ต้องรอดูว่าอัยการจะมีการยื่นอุทธรณ์ในข้อหาที่ศาลยกฟ้องหรือไม่ ส่วนที่คดีมีความล่าช้ามานานกว่า 1 ปี 4 เดือน เพราะจำเลยมีการยื่นต่อศาลให้จำหน่ายคดี เพราะจำเลยเป็นคนวิกลจริต
ส่วนทาง น.ส.กัญจนา ฮ้อแสงชัย น้องสาว น.ส.ธันฐภัทร์ บอกว่า คดีนี้ถือเป็นบรรทัดฐานใหม่ของสังคมให้เห็นว่า กรณีการที่ขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ศาลสามารถพิพากษาโดยไม่ต้องรอลงอาญา อีกทั้งติดใจในสำนวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวน
ด้าน น.ส.นงครัตย์ รุ่งแสง น้องสาว นายกฤษณะ ถาวร ผู้เสียชีวิตบอกว่า พอใจในคำตัดสินศาล ถือเป็นบรรทัดฐานในสังคมเช่นเดียวกัน ส่วนในเรื่องสารเสพติดของจำเลยไม่ติดใจตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว
ขณะที่ นายเจริญ แก้วยอด ทนายความจำเลยระบุว่า หลังจากที่ศาลพิพากษาจะยื่นประกันตัวจำเลยในวงเงิน 2 แสนบาท และจะยื่นขออุทธรณ์ภายใน 30 วันตามกฎหมาย ส่วนทางด้านบิดานายเจนภพ ไม่ให้สัมภาษณ์ต่อทางผู้สื่อข่าว แต่มีสีหน้าเศร้าหมองอย่างเห็นได้ชัดหลังฟังคำพิพากษา