บุรีรัมย์ - “นพ.สนธยา” อดีตหมอ รพ.บุรีรัมย์ ผู้ได้รับการขนานนาม “หมอใจบุญ” ยังคงเปิดคลินิกรักษาโรคฟรีแก่ประชาชนผู้ยากไร้ที่เจ็บป่วย เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ “สมเด็จย่า” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 22 มีเด็ก คนชรา ผู้ยากไร้เข้าคิวรอตรวจยาวเหยียด ทั้งมีผู้มีจิตศรัทธาร่วมตั้งโรงทานกว่า 40 โรงแจกจ่ายอาหารน้ำดื่มฟรี เผยตั้งปณิธานตรวจรักษาโรคฟรีทุกปีจนกว่าจะหมดสิ้นลมหายใจ
วันนี้ (18 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่คลินิก “สนธยาการแพทย์” ของ นพ.สนธยา วัฒนโกศล ตั้งอยู่เลขที่ 21 ถนนนิวาศ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ อดีตแพทย์โรงพยาบาลบุรีรัมย์ ที่ได้รับการขนานนามว่า “หมอใจบุญ” ได้ร่วมกับคณะแพทย์-พยาบาลจากทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัดรวมกว่า 10 จังหวัด ได้เปิดให้บริการตรวจรักษาโรคฟรี ทุกวันที่ 18 กรกฎาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ “สมเด็จย่า” เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จย่าที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย
โดยปีนี้ได้เปิดบริการตรวจรักษาฟรีต่อเนื่องเป็นปีที่ 22 แล้ว ซึ่งตั้งแต่ช่วงเช้าได้มีประชาชน ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ คนชรา และผู้ยากไร้มาเข้าคิวเพื่อรอรับการตรวจรักษาโรคกันเป็นจำนวนมาก ส่วนมากเป็นชาวบ้าน เกษตรกร และกลุ่มผู้ใช้แรงงานที่มีอาการเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงานหนัก
นอกจากนั้นยังมีผู้มีจิตศรัทธา และห้างร้านต่างๆ มาร่วมเปิดโรงทานกว่า 40 โรงทาน โดยนำอาหารคาว หวาน น้ำดื่ม แว่นตา มาแจกจ่ายให้แก่ประชาชนผู้ยากไร้ที่มารับบริการตรวจรักษาโรคฟรีในครั้งนี้ด้วย รวมถึงยังให้บริการตัดผมชาย-หญิงฟรี และบริการนวดแผนโบราณฟรีอีกด้วย
สำหรับ นพ.สนธยา วัฒนโกศล เป็นอดีตเป็นแพทย์ประจำอยู่โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ ได้ลาออกมาเปิดคลินิกนานกว่า 10 ปีแล้วหลังจากที่สมเด็จย่าสวรรคต เมื่อปี 2539 และได้เปิดให้บริการตรวจรักษาฟรีแก่ประชาชนที่เจ็บป่วย และมีฐานะยากจน ติดต่อกันมาเป็นประจำทุกปี ปีละ 2 ครั้ง คือทุกวันที่ 18 กรกฎาคมของทุกปีซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือสมเด็จย่า และวันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันพ่อแห่งชาติ โดยใช้งบประมาณส่วนตัวและเพื่อนแพทย์-พยาบาล รวมถึงผู้มีจิตศรัทธาร่วมสนับสนุนในการจัดซื้อยาเวชภัณฑ์
นพ.สนธยาเปิดเผยว่า ปีนี้เป็นปีที่ 22 แล้วที่เปิดให้บริการตรวจรักษาฟรี ทั้งยังได้ตั้งปณิธานไว้ว่าจะเปิดให้บริการตรวจรักษาโรคฟรีแก่ประชาชนไปตลอดเป็นประจำทุกปีจนกว่าจะหมดลมหายใจเพื่อเป็นการตอบแทนคุณแผ่นดิน และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จย่า และ รัชกาลที่ ๙ พ่อหลวงของปวงชนชาวไทย โดยหวังว่าการทำความดีในครั้งนี้จะเป็นการจุดประกายให้คนไทยทั้งประเทศได้หันมาร่วมกันทำความดีเพื่อพ่อหลวงในรูปแบบต่างๆ เพื่อสนองพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์