บุรีรัมย์ - อาจารย์สาขาวิชาการพัฒนาสังคม มรภ.บุรีรัมย์ แนะชาวบ้านที่เห็นคนมีปีกบินได้แล้วเชื่อว่าเป็นผีกระหัง ในทางพระพุทธศาสนาสอนให้เชื่ออย่างมีปัญญาด้วยเหตุและผล ไม่ควรเชื่อในมายาคติ หรือภาพลวงตา เพราะพิสูจน์ไม่ได้ในทางวิทยาศาสตร์ และความเชื่อไม่ควรกระทบเบียดเบียนคนอื่น ขณะผู้นำชุมชนยังลงพื้นที่สร้างความเข้าใจต่อชาวบ้านต่อเนื่อง
วันนี้ (14 ก.ค.) จากกรณีที่มีชาวบ้านประสาทพร ต.หนองปล่อง อ.ชำนิ และบ้านหนองเสม็ด ต.หนองยายพิมพ์ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เห็นคนรูปร่างสูงใหญ่มีปีกบินเหนือยอดไม้ในยามค่ำคืน หรือคืนเดือนมืด บางครั้งเห็นแสงลอยไปมา จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นผีกระหัง จนสร้างความตื่นตระหนกให้แก่ชาวบ้านหลายคนไม่กล้าออกจากบ้านตอนกลางคืน กระทั่งนายอำเภอชำนิ ต้องนำเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และสร้างความเข้าใจต่อชาวบ้านไม่ให้ตื่นตระหนัก ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด นายอุทิศ ทาหอม อาจารย์ประจำสาขาวิชาการพัฒนาสังคม มหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า ความเชื่อถือเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่สามารถเชื่อแตกต่างกันได้ แต่ในทางพระพุทธศาสนา ความเชื่อต้องประกอบด้วยปัญญา ต้องมีเหตุและผล ไม่ควรเชื่อในมายาคติ หรือภาพลวงตา หรือจินตนาการจากการดูหนังดูละคร ที่สำคัญไม่ควรเชื่อแบบเล่าตามกันมาหรือตามตำราถ้ายังไม่สามารถพิสูจน์ด้วยเหตุและผลได้ และในทางวิทยาศาสตร์ต้องพิสูจน์ได้
ดังนั้น กรณีที่ชาวบ้านมีความเชื่อว่าสิ่งที่เห็นเป็นผีกระหัง ต้องมีการพิสูจน์ว่าสิ่งที่เห็นนั้นคืออะไรอย่าด่วนตัดสินว่าเป็นตามที่เราเชื่อ ทั้งนี้ ในทางวิชาการยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ากระหังเป็นรูปลักษณะแบบไหน ดังนั้น สิ่งที่ชาวบ้านเห็นน่าจะมีมาจากจินตนามากกว่า
อาจารย์อุทิศ บอกด้วยว่า ความเชื่อเป็นสิทธิส่วนบุคคลแต่ต้องไม่กระทบสิทธิของผู้อื่น ซึ่งทางพระพุทธศาสนาสอนไว้ชัดเจนว่า ความเชื่อต้องเชื่อในสิ่งที่ดีงามไม่กระทบสิทธิ หรือเบียดเบียนใคร อย่างเช่น ความเชื่อเรื่องผีปู่ ตา การไหว้แซนโดนตาของชนชาติพันธุ์เขมร เพื่อกราบไหว้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษ ระลึกถึงบุญคุณปู่ย่าตายายที่ล่วงลับไปแล้ว ซึ่งถือเป็นความเชื่อในสิ่งที่ดีงาม และไม่ได้กระทบสิทธิใคร
“จึงอยากฝากถึงชาวบ้านที่กำลังเชื่อเรื่องผีกระหังว่า ควรจะเชื่อในสิ่งที่พิสูจน์ได้ตามหลักความเป็นจริงมากกว่าภาพลวงตา” อาจารย์อุทิศ กล่าว