เชียงราย - ไทย-มาเลย์ เปิดเวทีถกความร่วมมือด้านการปราบปรามยาเสพติดครั้งที่ 38 ถึงเชียงราย เล็งขออนุมัติส่ง จนท.ประสานงานประจำสถานทูตด้วย เผยครึ่งแรกปีนี้ใบกระท่อมไทย ทะลักเข้ามาเลย์แล้ว 19 ตัน ขณะที่ปี 59 ทั้งปีมีมากถึง 36 ตัน
วันนี้ (13 ก.ค.) นายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เป็นประธานร่วมในการปิดการประชุมทวิภาคีไทย-มาเลเซีย เรื่อง “ความร่วมมือด้านการปราบปรามยาเสพติด ครั้งที่ 38” ร่วมกับ ดาโต๊ะ ศรี โมฮัมหมัด ม็อกต้า บิน ฮาจิ โมฮัมหมัด ชาริฟ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนอาชญากรรมยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย ที่ห้องดอยตุง โรงแรมดุสิตไอส์แลนด์รีสอร์ท อ.เมืองเชียงราย
ผลการประชุมในครั้งนี้มีการตกลงในการสืบสวนร่วมกันในหลายคดี ทั้งในคดีที่เกิดขึ้นในอีกประเทศหนึ่งจะให้เจ้าหน้าที่สืบสวนของอีกประเทศเข้าไปสืบสวนและขยายผล นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายกำลังขออนุมัติให้มีการส่งเจ้าหน้าที่ประสานงานยาเสพติดไปประจำที่สถานเอกอัคราชฑูตของตัวเองที่ประจำในอีกประเทศหนึ่งด้วย
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาพบว่าไทย-มาเลเซียมีปัญหาเรื่องยาเสพติดประเภทใบกระท่อม โดยทางประเทศมาเลเซียได้สกัดกั้นใบกระท่อมที่ถูกลักลอบขนจากประเทศไทยเข้าไปยังประเทศมาเลเซียในปี 2559 ที่ผ่านมาได้มากถึง 36 ตัน และตั้งแต่เดือน ม.ค.-มิ.ย.นี้พบว่ายึดได้มากกว่า 19 ตันแล้ว
นายศิรินทร์ยากล่าวว่า ความสัมพันธ์ของ ป.ป.ส.ไทย และตำรวจสืบสวนอาชญากรรมยาเสพติดมีมาอย่างยาวนานและที่ผ่านมาทั้ง 2 ฝ่ายก็ทำงานประสานความร่วมมือกันอย่างได้ผลในหลายเรื่อง ซึ่งตนทำงานมาจนจะเกษียณอายุราชการในอีก 1 ปีข้างหน้า ก็พบว่าความสัมพันธ์ของไทย-มาเลเซีย ในเรื่องการแก้ไขปัญหายาเสพติดร่วมกันอยู่ในขั้นที่ดีมากและคาดหวังว่าความร่วมมือนี้จะทำให้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นและเกิดความร่วมมือกันอย่างเข้มแข็งต่อไป
สำหรับการประชุมความร่วมมือด้านการปราบปรามยาเสพติดไทย-มาเลย์ มีเป้าหมายแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์ยาเสพติด เครือข่ายการค้ายาเสพติดข้ามชาติและนักค้ารายสำคัญ ติดตามตัวผู้ต้องหาหนีหมายจับ รวมถึงส่งเสริมความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดของไทยและมาเลเซียให้มีความใกล้ชิดมากขึ้น เพราะปัญหายาเสพติดของไทยมีความเชื่อมโยงกับการลักลอบค้ายาเสพติดของนักค้าในมาเลเซีย รวมทั้งส่งเสริม “แผนปฏิบัติการอาเซียนเพื่อสร้างความมั่นคงให้อาเซียนปลอดภัยจากยาเสพติด” ระยะ 10 ปี (2559-2568) และการสร้างประชาคมอาเซียนให้ปลอดภัยจากยาเสพติดของอาเซียนอีกด้วย
