บุรีรัมย์ - เครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางภาคอีสานแนะเกษตรกรชะลอนำยางออกสู่ตลาดอีก 1-2 สัปดาห์ หลังจากรัฐบาลได้ออกมาระบุว่าราคายางจะขยับขึ้นต่อเนื่องและสูงถึง ก.ก.ละ 60 บาท จากเมื่อช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาราคายางดิ่งถึง 20 บาท ปัจจุบันยางแผ่นดิบเหลือเพียง ก.ก.ละ 49 บาท
วันนี้ (12 ก.ค.) นายวิชิต ลี้ประเสริฐ ประธานเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางจังหวัดบุรีรัมย์ และในฐานะประธานเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางภาคอีสานตอนล่าง เปิดเผยว่า ขอแนะให้เกษตรกรผู้ปลูกยางพาราทั้งในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ และหลายจังหวัดในภาคอีสานตอนล่างได้ชะลอนำผลผลิตยางออกสู่ตลาดในช่วงนี้ หลังจากที่รัฐบาลได้ออกมาระบุว่าราคายางจะขยับขึ้นอย่างต่อเนื่องในอีก 1-2 สัปดาห์ และคาดว่ายางแผ่นดิบจะสูงถึงกิโลกรัมละ 60 บาท
หลังมีการร่วมหารือกับ 3 ประเทศ ระหว่าง ไทย, อินโดนีเซีย และประเทศมาเลเซีย เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาราคายางที่ตกต่ำให้สูงขึ้นหรือเป็นไปตามกลไกตลาด จากเมื่อช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาราคายางตกต่ำร่วงลงถึง 20 บาท และปัจจุบันยังราคาต่ำ โดยยางแผ่นดิบเหลือเพียงกิโลกรัมละ 49 บาท และยางก้อนถ้วยเหลือกิโลกรัมละ 24 บาทเท่านั้น
หากเกษตรกรขายยางในช่วงนี้อาจจะเสียโอกาสได้ราคาที่ไม่คุ้มทุน จึงอยากให้เกษตรกรชะลอดูราคาอีก 1-2 สัปดาห์ตามที่รัฐบาลระบุ จะเป็นผลดีต่อตัวเกษตรกรเอง แต่หากเกษตรกรรายใดมีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินควรนำออกขายเท่าที่จำเป็นก่อนเพื่อไม่ให้สูญเสียโอกาสที่จะขายยางได้ในราคาที่สูงขึ้นกว่านี้ ซึ่งจากข้อมูลพบว่าจังหวัดบุรีรัมย์มีพื้นที่ปลูกยางพารากว่า 270,000 ไร่ เปิดกรีดแล้วประมาณ 210,000 ไร่ ผลผลิตน้ำยางกว่า 60,000 ตัน
ในส่วนของตนมีพื้นที่ปลูกยางอยู่ 1,000 ไร่ ขณะนี้เปิดกรีดแล้ว 600 ไร่ มีชาวบ้านที่มาดูแลสวนและกรีดยาง 16 ครอบครัว ขณะนี้ยังมียางแผ่นดิบที่เก็บไว้ในสต๊อกยังไม่นำออกขายกว่า 20 ตัน เนื่องจากตอนนี้ราคายังต่ำ แต่คาดว่าอีก 1-2 สัปดาห์หากราคายางขยับขึ้นตามที่รัฐบาลประกาศจะทยอยนำยางออกขายเช่นกัน นายวิชิตกล่าวในตอนท้าย