พิษณุโลก - เจ้าของร้านเวดดิ้งสตูดิโอเมืองสองแควสุดช้ำ คู่บ่าวสาวแต่งงานเสร็จหนีหายไม่มาจ่ายเงินร่วม 2 หมื่นบาท ทั้งคนรับเล่นดนตรีก็โดนเบี้ยว เตรียมฟ้องเพิ่ม ผู้เสียหายทั้ง 2 รายวอนเห็นใจคนทำธุรกิจ
วันนี้ (9 ก.ค. 60) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ในโลกโซเชียลพิษณุโลกมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์และส่งแชร์ต่อกันเป็นจำนวนมาก ถึงกรณีมีคู่บ่าวสาวคู่หนึ่งที่เพิ่งจัดงานแต่งงานไป โดยซื้อแพกเกจแต่งงานพร้อมว่าจ้างร้านเวดดิ้งสตูดิโอให้เข้ามาดูแลตั้งแต่เรื่องถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง ชุดแต่งงาน จัด-ตกแต่งสถานที่ ช่างถ่ายภาพงานวันจริง ฯลฯ
แต่หลังจากเสร็จงานแต่งแล้วกลับหนีหายไม่ยอมมาจ่ายเงินเคลียร์หนี้สินกับทางร้าน จนเจ้าของร้านทนไม่ไหวเพราะอาจจะถูกโกงทำให้ต้องไปแจ้งความดำเนินคดีที่ สภ.เมืองพิษณุโลก
โดยเรื่องดังกล่าว นางจุฬาลักษณ์ อุสาย อายุ 31 ปี เจ้าของร้านรักจัง เวดดิ้งสตูดิโอ พิษณุโลก ตั้งอยู่เลขที่ 293/10 ถ.บรมไตรโลกนาถ ต.ในเมือง อ.เมืองพิษณุโลก เล่าว่า มีคู่บ่าวสาวคู่หนึ่งเข้ามาเลือกซื้อแพกเกจแต่งงานกับทางร้าน ซึ่งจะจัดงานพิธีมงคลสมรสในวันที่ 29 มิ.ย. 60 เลือกโปรโมชันพิธีเช้าราคา 19,900 บาท ซึ่งทางร้านมีให้ตั้งแต่ชุดไทยเจ้าบ่าว เจ้าสาว พร้อมเครื่องประดับ ถ่ายพรีเวดดิ้งเอาต์ดอร์ แต่งหน้า ทำผม มอบไฟล์รูปภาพทั้งหมดและภาพวันจริงใส่กรอบสวยงาม จัดชุดตั่งหลั่งน้ำพระพุทธมนต์ ฉากดอกไม้ โต๊ะวางกล่องใส่ซอง เป็นต้น
โดยทางร้านขอให้ลูกค้าวางมัดจำไว้จำนวน 3,000 บาท และจะไปเก็บมัดจำวันถ่ายพรีเวดดิ้งอีก 2,000 บาท รวมที่ลูกค้าจ่ายมาแล้วจำนวน 5,000 บาท แต่ต่อมาลูกค้าขอเพิ่มโปรโมชันวันจริงให้ถ่ายภาพเพิ่มด้วยในราคา 6,900 บาท และขอเพิ่มของชำร่วยจำนวน 2,000 บาท สมุดประสาทพรจำนวน 199 บาท รวมทั้งสิ้นคิดเป็นเงินทั้งหมด 23,999 บาท ซึ่งทางร้านก็ยินดีไม่มีปัญหาแต่อย่างใดมิหนำซ้ำยังแถมของเล็กๆ น้อยๆ เพิ่มให้ในงานแต่งงานอีกด้วย
ต่อมาหลังจากคู่บ่าวสาวจัดงานแต่งงานเสร็จแล้วตั้งแต่วันที่ 29 มิ.ย. 60 ได้บอกกับทางร้านว่าจะรีบเข้ามาจ่ายเงินที่ค้างชำระอยู่ทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้เข้ามาติดต่อแต่อย่างใด อีกทั้งยังฝากชุดแต่งงานของคู่บ่าวสาวให้เพื่อนผู้หญิงมาส่งคืนที่ร้านอีกด้วย
ซึ่งทางร้านพยายามโทร.หาและติดต่อทักไปทางเฟซบุ๊กส่วนตัวของเจ้าสาวรายนี้ก็บ่ายเบี่ยงมาตลอด และขอผ่อนชำระในวันที่ 5 ก.ค. เป็นเงินจำนวน 18,000 บาท แต่สุดท้ายก็ไม่ได้นำเงินมาให้ทางร้านอีก สุดท้ายโทรศัพท์ก็ปิดเครื่องติดต่อไม่ได้ แถมยังถูกบล็อกเฟซบุ๊กหนีหายไปดื้อๆ
จึงตัดสินใจเดินทางไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.เมืองพิษณุโลกเมื่อวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชี้แจงว่าคดีนี้เป็นคดีความผิดทางแพ่ง เบื้องต้นคงต้องออกหมายเรียกคู่กรณีมาพูดคุยไกล่เกลี่ยกันก่อน
นางจุฬาลักษณ์บอกอีกว่า ตนเข้าใจหัวอกคนที่กำลังจะแต่งงานดีว่าต้องใช้เงินจำนวนมาก เพราะการแต่งงานจะต้องจัดพิธีอย่างดีและสมเกียรติกับคู่บ่าวสาว หรือแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน ซึ่งราคาแพกเกจแต่งงานของร้านก็ถือว่าไม่แพงและเหมาะสม อีกทั้งตนยังแถมของส่วนต่างๆ ให้ไปในงานแต่งอีกด้วย
“ดิฉันต้องแบกรับค่าใช้จ่าย ทั้งค่าจ้างช่างภาพฟรีแลนซ์ ค่าจ้างช่างแต่งหน้า จึงอยากขอให้ช่วยเห็นใจคนทำธุรกิจด้วย เพราะปัจจุบันต้องเลี้ยงดูครอบครัว ดูแลลูกน้อย ล้วนมีค่าใช้จ่ายทั้งสิ้น นอกจากนี้ยังมีคณะวงดนตรีที่รับจ้างเล่นงานแต่งงานครั้งนี้ก็ยังได้รับเงินไม่ครบจำนวน 6,500 บาท ซึ่งได้โทรศัพท์มาปรึกษาร่วมกันเพื่อจะเข้าแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติมเร็วๆ นี้อีกด้วย” นางจุฬาลักษณ์กล่าว