ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ทางหลวงเชียงใหม่หารือตัวแทนภาคประชาชนหาข้อยุติกรณีค้านขุดวางท่อและถมลำน้ำที่ไหลมาจากห้วยแก้วและห้วยช่างเคี่ยน เพื่อขยายถนนซูเปอร์ไฮเวย์ ช่วงแยกข่วงสิงห์-แยกรินคำ สรุปได้จุดร่วมกำหนดพื้นที่ให้เป็นระบบรางเปิด 3 จุดไม่ให้กระทบการออกแบบถนน ขณะที่ปีหน้ามีแผนขยายฝั่งขวาช่วงห้างเมญ่า-แยกเจ็ดยอด พร้อมเปิดรับฟังความเห็นข้อเสนอแนะเต็มที่ก่อนออกแบบดำเนินการ
วันนี้ (5 ก.ค. 60) ที่ห้องประชุมสำนักงานทางหลวงที่ 1 (เชียงใหม่) อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ นายไพฑูรย์ พงษ์ชวลิต ผู้อำนวยการสำนักงานทางหลวงที่ 1 (เชียงใหม่) เป็นประธานการประชุมร่วมกับตัวแทนเครือข่ายภาคประชาชนเพื่อหาทางออกร่วมกันกรณีที่มีการคัดค้านการขุดวางท่อและถมลำน้ำจากห้วยแก้วและห้วยช่างเคี่ยน ที่ไหลเลียบถนนซูเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่-ลำปาง ตามกิจกรรมยกระดับมาตรฐานและเพิ่มประสิทธิภาพทางหลวง ทางหลวงหมายเลข 11 ตอนไชยสถาน- เชียงใหม่ ระหว่าง กม.561+000-กม.562+651 (แยกข่วงสิงห์-แยกรินคำฝั่งซ้ายทาง) ระยะทางประมาณ 1.6 กิโลเมตร ขนาด 3 ช่องทางจราจรคู่ขนาน เนื่องจากหวั่นเกรงว่าจะก่อให้เกิดปัญหาการระบายน้ำ ทั้งน้ำท่วมและน้ำเน่าเสียในระยะยาวนั้น
ทั้งนี้ รายงานข่าวแจ้งว่า จากการหารือร่วมกันโดยที่ ดร.วสันต์ จอมภักดี ประธานคณะกรรมการประสานงานอนุรักษ์แม่ปิงและสิ่งแวดล้อม (คอปส.) เป็นตัวแทนเครือข่ายภาคประชาชน ได้ข้อสรุปว่าจะมีการกำหนดพื้นที่ให้เป็นระบบรางเปิด 3 จุด ได้แก่ บริเวณหน้าสำนักงานเหมืองแร่ ระยะทางประมาณ 200 เมตร, บริเวณหน้าโชว์รูมโตโยต้า ริส ระยะทางประมาณ 150 เมตร และบริเวณที่ว่างข้างคอนโดฯ Trams ระยะทางประมาณ 30 เมตร โดยที่รูปแบบการก่อสร้างไม่กระทบกับการออกแบบถนนที่กำหนดไว้ ซึ่งเป็นการหาจุดร่วมกันว่าถ้าหากจำเป็นต้องใช้พื้นที่ขยายทางและจำเป็นต้องใช้ระบายน้ำจึงจะมีการขุดวางท่อและถม แต่หากไม่จำเป็นจะเปิดเป็นรางน้ำโล่ง
ขณะเดียวกัน มีการระบุว่าในแผนงานปีงบประมาณ 2561 ทางจังหวัดเชียงใหม่และกรมทางหลวงมีแผนที่จะขยายฝั่งขวาทางของถนนซูเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่-ลำปาง ด้วย ช่วงตั้งแต่บริเวณห้างสรรพสินค้าเมญ่าถึงแยกเจ็ดยอด ซึ่งจากกรณีที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ที่เครือข่ายภาคประชาชนออกมาแสดงความหวั่นเกรงและให้ข้อเสนอแนะต่างๆ จนกระทั่งสามารถหาข้อสรุปและทางออกร่วมกันได้ ดังนั้น ในการออกแบบการก่อสร้างขยายฝั่งขวาทางของถนนซูเปอร์ไฮเวย์ เชียงใหม่-ลำปาง ดังกล่าวนั้น จะมีการเปิดโอกาสให้เครือข่ายภาคประชาชนเข้ามีส่วนร่วมและให้ข้อเสนอแนะต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ด้วย