จันทบุรี - เกษตรจังหวัดจันทบุรี จัดโครงการเกษตรแปลงใหญ่ประมูลมังคุดแปลงใหญ่เขาคิชฌกูฏสำเร็จ ต่อยอดสร้างแรงจูงใจนำมาพัฒนาการตลาดแปลงใหญ่อำเภอเมืองจันทบุรี
วันนี้ (5 ก.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. ณ ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร ตำบลพลับพลา อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี นายอาชว์ชัยชาญ เลี้ยงประยูร เกษตรจังหวัดจันทบุรี ได้จัดโครงการประมูลมังคุดเพื่อสร้างแรงจูงใจนำมาพัฒนาการตลาด และมีอำนาจต่อรองทางการตลาด โดยมีพ่อค้าแม่ค้าร่วมประมูล 5 ราย
สำหรับการจัดประมูลมังคุดแปลงใหญ่อำเภอเมืองจันทบุรี ครั้งนี้ เนื่องจากแปลงมังคุดแปลงใหญ่อำเภอเมืองจันทบุรี จัดตั้งเมื่อปี 2559 ปัจจุบัน มีสมาชิก 56 ราย พื้นที่ปลูกมังคุด 455 ไร่ ผลิตด้วยระบบมาตรฐานจีเอพี มีนายสนิท มีพืชน์ เป็นผู้จัดการแปลง และนายปรีชา ปิยารมย์ เป็นประธาน มีเป้าหมายการพัฒนา 5 ด้าน ได้แก่ 1.ปรับปรุงคุณภาพผลผลิต โดยผลผลิตของสมาชิกทุกรายได้รับการรับรองมาตรฐานจีเอพี 2.เพิ่มผลผลิตร้อยละ 35 3.ลดต้นทุนการผลิตลง ร้อยละ 10 4.การตลาด มีตลาดรับซื้อที่แน่นอน และเพิ่มอำนาจการต่อรองราคา และ 5.การบริหารจัดการ สมาชิกสามารถบริหารจัดการผลิตของตนเองได้ ซึ่งการเริ่มประมูลผลผลิตของกลุ่มแปลงใหญ่อำเภอเมืองจันทบุรีในวันนี้ เพื่อรวมกันขายผลผลิต ให้มีอำนาจต่อรองทางการตลาด และคาดว่าจะได้ราคาที่สูงขึ้นกว่าท้องตลาดร้อยละ 10
ในเรื่องนี้ นายอาชว์ชัยชาญ เลี้ยงประยูร เกษตรจังหวัดจันทบุรี เปิดเผยว่า จากความสำเร็จด้านการตลาดของมังคุดแปลงใหญ่เขาคิชฌกูฏ เรื่องการพัฒนาด้านการตลาดด้วยการใช้ระบบประมูล ไม่ใช่การขายผลผลิตให้พ่อค้ารายใดรายหนึ่ง เป็นโมเดลสำคัญของการทำแปลงใหญ่มังคุดในจังหวัดจันทบุรี ความสำเร็จที่เกิดขึ้นทำให้แปลงใหญ่มังคุดเขาคิชฌกูฏ กลายเป็นแหล่งสร้างแรงจูงใจให้แปลงใหญ่อำเภอเมือง นำโมเดลการประมูลมังคุดมาปรับใช้ เพื่อพัฒนาเรื่องการตลาดของกลุ่ม โดยมีแปลงใหญ่เขาคิชฌกูฏ เป็นพี่เลี้ยงให้คำแนะนำ ศึกษาเรียนรู้ และเป็นแหล่งศึกษาดูงาน
เกษตรจังหวัดจันทบุรี ได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า โครงการเกษตรแปลงใหญ่ ถือเป็นนโยบายหนึ่งของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มุ่งปรับเปลี่ยนระบบการส่งเสริมการเกษตรในพื้นที่ขนาดใหญ่ เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรรายย่อย มาสู่การรวมกลุ่มที่สามารถใช้เครื่องมือ เครื่องจักรกลมาช่วยในการผลิต เข้าถึงเทคโนโลยีได้มากขึ้น มีความสามารถในการจัดการการผลิตผลผลิตอย่างมืออาชีพ ทำให้คุณภาพสินค้าได้มาตรฐานเท่าเทียมกัน สามารถเข้าถึงการตลาด และมีอำนาจต่อรองทางการตลาดสูงขึ้นอีกด้วย